ภาพรวมตลาด
แม้จะต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงและแรงกดดันจากกฎระเบียบในหลายประเทศ แต่ Apple ยังคงแสดงศักยภาพการเติบโตอย่างมั่นคง ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีงบการเงิน 2025 ออกมาแข็งแกร่งกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทั้งในแง่รายได้รวมที่เพิ่มขึ้น 9.6% แบบปีต่อปี และกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ปรับแล้วขยายตัวถึง 12.1% การเติบโตดังกล่าวได้รับแรงหนุนสำคัญจากยอดขาย iPhone ที่พุ่งขึ้น 13.5% และยอดขาย Mac ที่ขยายตัว 14.8% ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการในผลิตภัณฑ์หลักที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่อย่างอินเดีย เอเชียใต้ และบราซิล
อีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญคือ ธุรกิจบริการ ที่กลายเป็นหัวใจหลักของการสร้างรายได้ โดยมีสัดส่วนสูงถึง 29.2% ของยอดขายรวม รายได้ในส่วนนี้เติบโต 13.3% แบบปีต่อปี ขณะที่ฐานผู้ใช้แบบชำระเงินขยายตัวทะลุ 1,000 ล้านรายแล้ว ความสำเร็จของบริการอย่าง Apple TV+, Apple Pay และ Apple Intelligence แสดงให้เห็นถึงพลังของระบบนิเวศที่แข็งแกร่งและการสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาว นอกจากนี้ การขยายบริการทางการเงินอย่าง Apple Pay และ Tap to Pay ไปยังหลายประเทศ ยังสะท้อนศักยภาพการเติบโตในระดับโลกที่ยังเปิดกว้าง
ในด้านผลิตภัณฑ์ใหม่ แม้การเปิดตัว iPhone 17 จะถูกมองว่าเป็นเพียงการอัปเดตเชิงต่อเนื่องมากกว่าการปฏิวัติครั้งใหญ่ แต่ความต้องการของรุ่น Pro และ Pro Max ยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดจีนและสหรัฐฯ จากข้อมูลของ Evercore ISI พบว่าประมาณ 56% ของผู้บริโภคมีแผนเลือกซื้อรุ่นไฮเอนด์ ซึ่งช่วยหนุนราคาขายเฉลี่ยให้สูงขึ้นและเพิ่มอัตรากำไรต่อหน่วย อีกทั้งการเติบโตของธุรกิจซอฟต์แวร์ AI และผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Apple Vision Pro ยังช่วยเปิดโอกาสรายได้ในอนาคตและเพิ่มความหลากหลายให้กับโครงสร้างธุรกิจ
ด้านความแข็งแกร่งทางการเงิน Apple ยังคงรักษาสถานะที่มั่นคง ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมีเงินสดและหลักทรัพย์ในตลาดเกือบ 133 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หนี้ระยะยาวอยู่ที่ 91.78 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังคืนทุนแก่ผู้ถือหุ้นผ่านการจ่ายเงินปันผลและโครงการซื้อหุ้นคืนรวมเกือบ 27,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสเดียว ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนถึงความมั่นคงเชิงการเงินที่แข็งแรง และช่วยเสริมความน่าสนใจของ Apple ในฐานะหุ้นคุณภาพที่ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะกลางถึงยาว แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากภายนอกก็ตาม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
APPLE
ราคาหุ้น Apple ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเหนือกรอบแนวต้านสีแดงได้อย่างมั่นคง และยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเทรนไลน์ขาขึ้นอย่างชัดเจน การที่ราคาสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ แสดงให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงหนุนแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนวต้านถัดไปจะอยู่บริเวณ 270 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสำคัญที่ตลาดอาจเฝ้าจับตามองว่าจะสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่ากรอบแนวรับบริเวณ 215 ดอลลาร์ ก็อาจทำให้โมเมนตัมเชิงบวกอ่อนแรงลง และมีโอกาสที่แนวโน้มจะเปลี่ยนกลับมาเป็นขาลงได้อีกครั้ง
APPLE (DAILY)
