ภาพรวมตลาด
หุ้น Tesla กลับมาได้รับแรงหนุนอย่างมีนัยสำคัญ หลังจาก Elon Musk ใช้เงินส่วนตัวกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมในบริษัท การเคลื่อนไหวครั้งนี้ถูกตีความว่าเป็นสัญญาณความมั่นใจจากผู้บริหารสูงสุด ซึ่งนักลงทุนให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเกิดขึ้นในช่วงที่ราคาหุ้นเคยร่วงหนักถึง 42% นับจากสิ้นปี 2024 ก่อนจะพลิกกลับมาฟื้นตัวเป็นบวกในปี 2025 ความเชื่อมั่นของ Musk ไม่เพียงแต่ช่วยกระตุ้นแรงซื้อจากนักลงทุนรายย่อย แต่ยังสะท้อนให้เห็นมุมมองระยะยาวที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพของ Tesla ในฐานะผู้นำด้าน AI และเทคโนโลยีรถยนต์อัตโนมัติ
หนึ่งในปัจจัยหนุนสำคัญคือการเดินหน้าขยายการทดสอบบริการ Robotaxi ไปยังรัฐแอริโซนา ซึ่งนับเป็นรัฐที่สี่ต่อจากเท็กซัส แคลิฟอร์เนีย และเนวาดา ความก้าวหน้านี้แสดงถึงความพร้อมของเทคโนโลยี Tesla ในการเข้าสู่ตลาดจริง โดยนักวิเคราะห์จาก Wedbush ประเมินว่า Robotaxi จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ในกว่า 30 เมืองทั่วสหรัฐภายในปีหน้า ขณะเดียวกัน ศักยภาพทางธุรกิจจาก Robotaxi และ FSD (Full Self Driving) ถูกคาดการณ์ว่ามีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถยกระดับมูลค่าของ Tesla ได้อย่างมีนัยในระยะกลางถึงยาว
ในเชิงพื้นฐาน Tesla ยังคงตอกย้ำสถานะผู้นำตลาด EV ระดับโลก โดยทุ่มลงทุนในเทคโนโลยีแห่งอนาคตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Dojo, หุ่นยนต์ Optimus หรือซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติ ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงและสามารถต่อยอดได้ในระดับสากล จุดแข็งอีกด้านคือการผลิตแบบบูรณาการและการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ตั้งแต่แบตเตอรี่จนถึงซอฟต์แวร์ ซึ่งมอบความได้เปรียบด้านต้นทุนและช่วยให้ Tesla รักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้แม้การแข่งขันในตลาดจะรุนแรงขึ้น
สำหรับปัจจัยระยะสั้น ตลาดกำลังจับตาตัวเลขการส่งมอบในไตรมาส 3 ที่หลายสำนักคาดว่าอาจแตะระดับ 500,000 คัน โดยได้แรงหนุนจากการเร่งซื้อก่อนหมดสิทธิ์เครดิตภาษี EV ในสหรัฐฯ พร้อมกันนี้ Tesla ยังเตรียมเปิดตัวรถ SUV ราคาประหยัด และขยายธุรกิจพลังงานและการชาร์จไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกเสาหลักของรายได้ในอนาคต นักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Dan Ives ถึงกับปรับเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นเป็น 600 ดอลลาร์ สะท้อนว่าความเชื่อมั่นต่ออนาคตของ Tesla กำลังฟื้นกลับมาอย่างชัดเจน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
TESLA
ราคาหุ้น Tesla ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยล่าสุดสามารถยืนเหนือกรอบแนวต้านสำคัญสีแดงได้อย่างมั่นคง การทะลุผ่านแนวต้านดังกล่าวสะท้อนถึงแรงซื้อที่มีความต่อเนื่องและชี้ให้เห็นถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแรง ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นว่าราคายังมีโอกาสเดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อไปได้ โดยมีเป้าหมายแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 495 ดอลลาร์ซึ่งถือเป็นระดับสำคัญที่นักลงทุนจับตามอง อย่างไรก็ตาม หากในระยะถัดไปเกิดแรงขายกดดันจนราคาหลุดแนวรับหลักที่บริเวณ 350 ดอลลาร์ลงมาได้ ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงการอ่อนแรงของโมเมนตัมขาขึ้นและมีโอกาสทำให้ทิศทางราคากลับมาเป็นขาลงได้อีกครั้งในระยะสั้น
TESLA (DAILY)
