ภาพรวมตลาด
แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ จะเริ่มมีสัญญาณเชิงบวก หลังจากการหารือโดยตรงระหว่างผู้นำของทั้งสองฝ่าย ทว่ากระบวนการเจรจาที่ยังคงมีความซับซ้อน และต้องอาศัยความเห็นชอบจากสมาชิกทั้ง 27 ประเทศ ยังคงสร้างความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มในอนาคต นักลงทุนจำนวนมากจึงยังไม่สามารถคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรได้ โดยเฉพาะหากไม่มีความคืบหน้าทางการเมืองที่ชัดเจนในช่วงก่อนเข้าสู่ไตรมาสถัดไป ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมรถยนต์และโลหะของยุโรปยังคงเผชิญแรงกดดันจากภาษีที่ยังบังคับใช้อยู่ แม้จะมีการผ่อนผันบางส่วนในระยะสั้นก็ตาม
ในด้านข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด ภาพรวมยังคงสะท้อนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจยูโรโซนอย่างต่อเนื่อง โดยดัชนี PMI รวมของเดือนพฤษภาคมปรับลดลงต่ำกว่าระดับ 50 จุดอีกครั้ง ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการหดตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการที่ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าภาคการผลิตยังสามารถขยายตัวได้เล็กน้อย แต่ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้า และความระมัดระวังจากผู้ประกอบการทั่วโลกต่อคำสั่งซื้อใหม่ ยังคงเป็นแรงกดดันต่อแนวโน้มการฟื้นตัวในระยะสั้น ทั้งนี้ นักวิเคราะห์หลายสำนักเริ่มปรับลดประมาณการการเติบโตของ GDP สำหรับไตรมาสถัดไปของยูโรโซนลงอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของเงินเฟ้อและการบริโภคภายในประเทศก็ยังไม่สามารถเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญได้ โดยอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ 2.2% แม้ดูเหมือนจะอยู่ในกรอบเป้าหมายของ ECB แต่เมื่อพิจารณารายละเอียดจะพบว่าเงินเฟ้อในภาคบริการยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกที่ลดลงสวนทางกับความคาดหวัง สะท้อนถึงความอ่อนแรงของกำลังซื้อในภาคครัวเรือน ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยจาก ECB จึงอาจตีความได้ว่าเป็นความพยายามในการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการตอบสนองต่อสัญญาณฟื้นตัวที่แท้จริง ภายใต้บริบทเหล่านี้ ดัชนี EU50 จึงยังมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่อการอ่อนตัวในช่วงสั้นถึงกลางเทอม หากเศรษฐกิจยูโรโซนยังไม่สามารถแสดงสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนได้ในเร็ววัน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
EU50
ดัชนี Euro Stoxx 50 (EU50) เริ่มส่งสัญญาณอ่อนตัวในระยะสั้น หลังจากที่ราคาปรับตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้านสำคัญในกรอบสีแดง แต่ยังไม่สามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้เกิดแรงขายกลับเข้ามากดดันราคาอีกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาสัญญาณจาก RSI ในกรอบรายวัน (Daily) ที่อยู่บริเวณระดับประมาณ 53 ซึ่งสะท้อนว่าแรงซื้อเริ่มชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันค่า MACD ก็เริ่มมีลักษณะโค้งตัวลงเข้าใกล้เส้นสัญญาณ บ่งชี้ว่าโมเมนตัมขาขึ้นเริ่มอ่อนแรงลง หากราคายังคงไม่สามารถฝ่าแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ ก็มีโอกาสสูงที่ราคาจะย่อตัวลงต่อในระยะถัดไป โดยแนวรับสำคัญถัดไปอยู่ที่บริเวณ 5,086.12 จุด ซึ่งหากหลุดระดับนี้ลงมาอย่างชัดเจน จะเป็นการยืนยันสัญญาณปรับฐานที่มีน้ำหนักมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเกิดแรงซื้อกลับเข้ามาและสามารถดันราคาให้ทะลุแนวต้านกรอบสีแดงขึ้นไปได้ ก็จะกลายเป็นสัญญาณเชิงบวกที่อาจเปิดทางให้ดัชนีมีโอกาสไต่ระดับขึ้นไปสู่แนวต้านถัดไปที่บริเวณ 5,800 จุด ดังนั้น การติดตามพฤติกรรมราคาในช่วงใกล้แนวต้านจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้
EU50 (DAILY)
