ภาพรวมตลาด
Apple ยังคงแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการรักษาฐานลูกค้าทั่วโลกและสร้างรายได้ได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเผชิญกับความท้าทายจากต้นทุนภาษีนำเข้าที่อาจเพิ่มขึ้นในบางประเทศ แต่ยอดขาย iPhone ในไตรมาสล่าสุดยังสามารถเติบโตได้เหนือความคาดหมาย ขณะเดียวกัน รายได้จากบริการก็สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจแบบ recurring income และความภักดีของฐานลูกค้า นอกจากนี้ การพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Liquid Glass’ ที่เชื่อมต่อประสบการณ์ข้ามอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ ยังช่วยตอกย้ำข้อได้เปรียบด้าน ecosystem ซึ่งเป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้าง “กำแพง” ให้คู่แข่งก้าวข้ามได้ยาก และทำให้ผู้ใช้งานยังคงอยู่กับแบรนด์ได้ในระยะยาว
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนโอกาสการเติบโต คือการเดินหน้าลงทุนในนวัตกรรมสินค้ากลุ่มใหม่ ๆ เช่น อุปกรณ์สวมใส่บนศีรษะ (head-worn devices) และ MacBook รุ่นราคาประหยัด ที่คาดว่าจะช่วยผลักดันปริมาณการจัดส่งให้กลับไปใกล้เคียงจุดสูงสุดช่วงโควิดได้อีกครั้ง นอกจากนี้ การเปิดตัว Apple Vision Pro รุ่นใหม่ที่เตรียมอัปเกรดชิปเป็น M5 ก็ยิ่งสะท้อนว่า Apple ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มเทคโนโลยี immersive computing และ AR/VR เพื่อต่อยอดไปสู่การสร้างรายได้จากตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
ขณะที่ด้านสถานะทางการเงิน Apple ยังคงแข็งแกร่งมาก ด้วยเงินสดในมือกว่า 1.33 แสนล้านดอลลาร์ และยังคงเดินหน้าคืนเงินให้ผู้ถือหุ้นผ่านการประกาศซื้อหุ้นคืนเพิ่มอีก 1 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงการขึ้นเงินปันผลประจำไตรมาสอีก 4% การที่หุ้นยังซื้อขายในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ยังคงสะท้อนมุมมองเชิงบวกว่าหากกลยุทธ์สินค้าใหม่ยังเดินหน้าได้ตามแผน และฐานลูกค้าเดิมยังเหนียวแน่น ราคาหุ้น Apple ก็ยังมีพื้นที่ให้ปรับตัวขึ้นต่อได้อีกในระยะถัดไป
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
APPLE
ในกรอบรายวัน (Daily) ราคาหุ้น Apple ยังคงมีแนวโน้มขยับขึ้นต่อได้ หลังจากที่ล่าสุดราคาสามารถยืนเหนือโซนแนวรับสีแดงได้อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแรงซื้อที่ยังคงช่วยประคองโมเมนตัมฝั่งขาขึ้นเอาไว้ได้ในระยะนี้ ขณะเดียวกันค่า RSI ก็ยังเคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 และทรงตัวได้ค่อนข้างมั่นคง บ่งชี้ว่าแรงซื้อยังพอมีน้ำหนักอยู่ ส่วนสัญญาณจาก MACD แม้จะยังไม่เร่งตัวแรงมากนัก แต่ก็ยังทรงตัวเหนือเส้นศูนย์ โดยไม่ได้ส่งสัญญาณกลับตัวลงอย่างชัดเจน จึงถือว่ายังสอดคล้องกับมุมมองโอกาสการรีบาวด์ขึ้นต่อได้เช่นกัน ทั้งนี้ แนวต้านถัดไปของราคาอยู่ที่บริเวณ 215 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นโซนที่นักลงทุนควรจับตาดูว่าจะมีแรงขายกลับออกมาหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากในระหว่างทางราคากลับอ่อนแรงลงและทะลุหลุดกรอบแนวรับสีแดงด้านล่างได้จริง ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าการฟื้นตัวครั้งนี้กำลังอ่อนกำลังลง และโมเมนตัมฝั่งขาขึ้นอาจเปลี่ยนทิศทางไปสู่การพักฐานหรือการปรับตัวลงต่อได้อีกครั้ง
APPLE (DAILY)
