ภาพรวมตลาด
แม้ภาพรวมมหภาคจะเริ่มพูดถึงวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง แต่ข้อมูลล่าสุดสะท้อนว่ากระแสเงินยังไม่ยืนยันถึงการไหลเข้ามาอย่างมั่นคงในตลาด Bitcoin กระแสเงินไหลออกสุทธิจาก Spot ETF ช่วงกลางเดือนสิงหาคมสูงกว่า 1.2 พันล้านดอลลาร์ แสดงถึงการลดน้ำหนักการลงทุนของสถาบัน ขณะที่แรงซื้อกลับ (inflow) ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการเข้าซื้อในจังหวะราคาย่อตัวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น การที่นักลงทุนรายใหญ่บางส่วนเลือกโยกพอร์ตไปยัง ETH แทน BTC ยิ่งบั่นทอนสภาพคล่องเชิงโครงสร้างของตลาดในระยะสั้น ความเชื่อมั่นโดยรวมจึงชะลอลง เห็นได้จากดัชนีความเชื่อมั่นคริปโตที่ถอยกลับเข้าสู่โซนกลาง ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนจำนวนมากยังคงรอจังหวะมากกว่าที่จะไล่ราคาขึ้น
ด้านอุปทาน หลังการ Halving ที่ทำให้รางวัลบล็อกลดลงเหลือ 3.125 BTC รายได้ของนักขุดได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน ประกอบกับค่าธรรมเนียมธุรกรรมที่ลดลงมากกว่า 80% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ส่งผลให้รายได้รวมของกลุ่ม miners อ่อนแรงลง และยิ่งเพิ่มแรงจูงใจในการขายเพื่อรักษาสภาพคล่อง ส่งผลต่อแรงกดดันฝั่งอุปทานในช่วงที่อุปสงค์ใหม่ยังไม่เร่งตัวเต็มที่ แม้นวัตกรรมอย่าง BTCfi จะเป็นทิศทางที่ช่วยเสริมในเชิงโครงสร้าง แต่ก็ยังอยู่ในระยะเริ่มต้นและไม่สามารถทดแทนรายได้ค่าธรรมเนียมที่หายไปได้ทันที จึงทำให้ในภาพระยะสั้นยังคงเห็นแรงกดดันฝั่งขายจากฝั่งผู้ผลิตโทเคนดั้งเดิม ขณะที่ฝั่งซื้อจากสถาบันยังไม่ต่อเนื่องนัก
ในเชิงพฤติกรรมตลาด สัญญาณการทำกำไรใกล้จุดสูงสุดเดิมเกิดขึ้นพร้อมกับ Open Interest ฟิวเจอร์สที่ปรับเพิ่มขึ้น แต่ราคากลับอ่อนตัวลง สะท้อนถึงการเพิ่มสถานะขายและการทยอยปิดสถานะซื้อ ซึ่งมักตีความได้ว่าเป็นภาวะ ฺBull Trap หลังจากแรงดีดระยะสั้นบนความคาดหวังการลดดอกเบี้ย ก่อนที่ราคาจะกลับลงมาตามแรงกดดันจริงจากกระแสเงิน อีกทั้งปัจจัยทางสถิติยังไม่เอื้อ โดยเดือนกันยายนมักเป็นฤดูกาลลบของ Bitcoin ที่ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบในอดีต ยิ่งทำให้นักเก็งกำไรเลือกชะลอการเข้าซื้อใหม่มากกว่าจะเร่งสะสม ทั้งนี้ การที่ตลาดรับรู้ความคาดหวังเรื่อง Fed ลดดอกเบี้ยไปมากแล้ว หากเกิดความผิดหวังหรือเงินเฟ้อดื้อด้านเพียงเล็กน้อย ก็อาจเพียงพอที่จะกดดันราคาลงได้อีกระลอก
ดังนั้น ในเชิงกลยุทธ์ ภาพรวมยังคงเอียงลบจนกว่าจะเห็นการไหลเข้าของเม็ดเงินสถาบันอย่างต่อเนื่องผ่าน ETF และรายได้ของ miners ฟื้นกลับมาจากกิจกรรมบนเครือข่ายที่มากขึ้น ปัจจัยปัจจุบัน ทั้ง ETF ที่ยังผันผวน กระแสเงินบางส่วนไหลไป ETH รายได้ของ miners ที่อ่อนแรง และความเชื่อมั่นที่เปราะบาง ล้วนสอดคล้องกับฉากทัศน์ที่ว่าราคามีโอกาสปรับตัวลงต่อ มากกว่าการกลับเข้าสู่ขาขึ้นอย่างยั่งยืน
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
BTCUSD
ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแนวโน้มขาลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการปรับตัวขึ้นมาทดสอบกรอบแนวต้านสีแดง แต่ยังไม่สามารถทะลุขึ้นไปได้สำเร็จ การที่ราคายังถูกกดดันให้อยู่ใต้กรอบแนวต้านดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงแรงขายที่ยังมีน้ำหนักมากกว่าแรงซื้อในภาพรวม และบ่งบอกว่าตลาดยังไม่พร้อมที่จะกลับมาเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นได้ในทันที ตราบใดที่ราคายังไม่สามารถผ่านกรอบแนวต้านสีแดงขึ้นไปได้อย่างชัดเจน แนวโน้มหลักก็ยังคงเป็นขาลง และราคายังมีโอกาสที่จะปรับตัวลงต่อ โดยแนวรับถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 90,000 ดอลลาร์
BTCUSD (DAILY)
