ภาพรวมตลาด
แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มต้นวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ยด้วยการลดลง 0.25% สู่กรอบ 4.00%–4.25% แต่ค่าเงินดอลลาร์กลับไม่ได้อ่อนค่าตามที่ตลาดส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าตลาดยังเชื่อมั่นว่าการผ่อนคลายนโยบายจะเกิดขึ้นในวงจำกัด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ขณะเดียวกัน คำแถลงของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่ย้ำถึงการดำเนินนโยบายแบบ “ขึ้นอยู่กับข้อมูล” มากกว่าการกำหนดเส้นทางที่ตายตัว ก็ยิ่งทำให้ตลาดมองว่าการลดดอกเบี้ยอาจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทันที นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษีและความเชื่อมั่นต่อความเป็นอิสระของเฟด ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนโครงสร้างของเงินดอลลาร์ให้แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะแคนาดาที่มีแรงกดดันต่อการลดดอกเบี้ยมากกว่า
ในฝั่งแคนาดา ธนาคารกลางแคนาดา (BOC) ได้ปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 2.5% ซึ่งเป็นการลดครั้งแรกในรอบครึ่งปี การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงและตลาดแรงงานที่อ่อนแรงชัดเจน โดยอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 ปี (ยกเว้นช่วงโควิด) ขณะเดียวกันตำแหน่งงานว่างก็ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ BoC มีพื้นที่ในการผ่อนคลายนโยบายมากกว่าเฟด ซึ่งยิ่งขยายความแตกต่างด้านอัตราดอกเบี้ยระหว่างสองประเทศ และอาจเป็นตัวกระตุ้นให้เงินทุนบางส่วนไหลกลับเข้าสู่ดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าดอลลาร์แคนาดา
เมื่อหันมามองพื้นฐานเศรษฐกิจของแคนาดา ตัวเลข GDP เดือนกรกฎาคมขยายตัวได้ 0.2% ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ แต่การคาดการณ์เบื้องต้นของเดือนสิงหาคมกลับสะท้อนถึงการหยุดชะงัก โดยคาดว่า GDP จะทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง แม้ข้อมูลค้าส่งและค้าปลีกบางส่วนมีการฟื้นตัว แต่แรงกดดันจากภาคพลังงาน เหมืองแร่ และการขนส่งยังคงฉุดรั้งภาพรวม ยิ่งไปกว่านั้น ยอดค้าปลีกเดือนกรกฎาคมที่หดตัวลง 0.8% โดยเฉพาะหมวดอาหารและเครื่องแต่งกาย เป็นเครื่องยืนยันว่าการบริโภคภาคครัวเรือนเริ่มอ่อนแรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจบังคับให้ BOC ต้องพิจารณาผ่อนคลายนโยบายต่อ
นอกจากนี้ ราคาวัตถุดิบซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของแคนาดาก็เริ่มส่งสัญญาณอ่อนแรง ดัชนีราคาวัตถุดิบเดือนสิงหาคมลดลง 0.6% โดยมีแรงกดดันหลักจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงถึง 3.7% หลัง OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต ส่วนราคาพืชผลสำคัญอย่างคาโนลาก็อ่อนตัวลงตามความต้องการจากจีนที่ลดลง อีกทั้งสงครามภาษียังกระทบต่อการส่งออก จนทำให้มูลค่าการค้าต่างประเทศในไตรมาสสองหดตัวแรงถึง 27% แม้อุตสาหกรรมบางภาค เช่น โรงงานผลิต จะมีสัญญาณฟื้นเล็กน้อย แต่โดยรวมเศรษฐกิจแคนาดายังเปราะบาง ปัจจัยเหล่านี้จึงอาจเป็นแรงหนุนต่อแนวโน้มขาขึ้นของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาได้ในระยะถัดไป
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
USDCAD
สามารถทะลุกรอบแนวต้านสีแดงขึ้นมาได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการยืนยันถึงแรงซื้อที่กลับเข้ามาหนุนให้ราคากลับมาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวในลักษณะนี้แสดงให้เห็นว่าตลาดยังคงมีแรงหนุนเชิงบวกและนักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นต่อการปรับตัวขึ้นต่อของราคา ทั้งนี้แนวต้านถัดไปจะอยู่ที่บริเวณ 1.40340 ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านไปได้ก็จะยิ่งเป็นการยืนยันว่าขาขึ้นยังคงแข็งแรงและมีโอกาสขยายตัวต่อในระยะกลาง อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดลงมาต่ำกว่ากรอบแนวรับสำคัญบริเวณ 1.38400 อาจทำให้แรงซื้ออ่อนกำลังลงและเปลี่ยนความเชื่อมั่นกลับมาเป็นลบ ส่งผลให้โมเมนตัมขาขึ้นชะลอตัวลงได้เช่นกัน
USDCAD (DAILY)
