• 31 Jan 2025
  • พื้นฐาน

Moving Average คืออะไร: วิธีการหลักในการซื้อขาย

TH(1).jpg

Moving Average (MA) เป็นเครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่มีประสิทธิภาพที่เทรดเดอร์ทั่วโลกต่างนำมาใช้เพื่อลดความซับซ้อนของข้อมูลราคาและระบุแนวโน้มที่เกิดขึ้น ความเรียบง่ายของมันควบคู่ไปกับความสามารถในการดัดแปลงได้ทำให้มันได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของกลยุทธ์การซื้อขาย โดยการกรองสัญญาณรบกวนจากความผันผวนของราคาแบบสุ่ม moving averages จะสร้างเส้นโค้งที่ราบเรียบยิ่งขึ้นบนกราฟ ซึ่งจะให้ข้อมูลเชิงลึกอันล้ำค่าเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของตลาด

ความอัจฉริยะของ moving averages นั้นอยู่ที่ความสามารถในการสรุปการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตในช่วงเวลาหนึ่ง และนำเสนอในรูปแบบเส้นที่มีพลวัตที่อ่านง่าย แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นรูปแบบที่มักไม่ถูกสังเกตเห็นในข้อมูลราคาแบบดิบได้ นอกเหนือจากการระบุแนวโน้มแล้ว moving averages ยังทำหน้าที่เป็นแกนหลักสำหรับกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับความเสี่ยง ตีความความผันผวน และระบุจุดเข้าหรือออกจากตลาดอย่างแม่นยำ

ประเภทของ Moving Average

Moving Averages มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน แต่ละประเภทต่างได้รับการปรับแต่งให้เหมาะกับสถานการณ์การซื้อขายและความชอบที่แตกต่างกัน นี่คือรายละเอียดของประเภทที่ถูกนำมาใช้บ่อยที่สุด พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจุดแข็งและการใช้งานจริงของแต่ละประเภทดังกล่าว

1. Simple moving average (SMA)

SMA เป็นรูปแบบพื้นฐานที่สุดของ moving average ซึ่งถูกคำนวณโดยการเฉลี่ยราคาปิดในช่วงเวลาที่กำหนด หากคุณกำลังติดตาม SMA 50 วัน นั่นหมายถึงคุณนำราคาปิดของ 50 วัน ที่ผ่านมามาบวกกันแล้วหารผลรวมด้วย 50

ข้อได้เปรียบหลักของ SMA คือความคงที่ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการติดตามแนวโน้มในระยะยาว

เทรดเดอร์มักจะติดตาม SMA 200 วัน ในตลาดหุ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของวิถีการเคลื่อนที่โดยรวมของหลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ความเรียบง่ายนี้มาพร้อมกับต้นทุนที่ต้องจ่าย นั่นคือ การตอบสนองที่ช้าลงต่อการเปลี่ยนแปลงราคาล่าสุดและบางครั้งอาจไม่สามารถจับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของโมเมนตัมได้

2. Exponential Moving Average (EMA)

EMA จะ ช่วยแก้ไขปัญหาความล่าช้าของ SMA โดยการให้น้ำหนักมากขึ้นกับราคาล่าสุด การตอบสนองนี้ทำให้มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้นที่ต้องการข้อมูลเกี่ยวกับสภาวะตลาดแบบด่วน ๆ

เทรดเดอร์รายวันที่ซื้อขายคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวเร็วอาจใช้เส้น EMA 10 วัน เพื่อระบุการเคลื่อนไหวในช่วงสั้น ๆ ความสามารถในการตอบสนองอย่างรวดเร็วช่วยให้เทรดเดอร์สามารถกระโดดเข้าสู่แนวโน้มได้เร็วยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าจะต้องแลกมากับความเสี่ยงต่อการที่จะได้รับสัญญาณเท็จมากขึ้นในช่วงสภาวะตลาดที่ผันผวนก็ตาม

3. Weighted moving average (WMA)

WMA ถือเป็นจุดกึ่งกลางระหว่าง SMA และ EMA โดยจะให้น้ำหนักให้กับจุดราคาในระดับต่าง ๆ พร้อมกับเน้นไปที่ข้อมูลล่าสุดเป็นหลัก การคำนวณที่ละเอียดอ่อนนี้ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่มีความอเนกประสงค์ในยามที่คุณต้องการทั้งการตอบสนองและความเสถียร

เทรดเดอร์ที่ติดตามแนวโน้มระยะกลางอาจพึ่งพา WMA ในการสร้างสมดุลระหว่างการตอบสนองต่อพัฒนาการใหม่ ๆ กับความชัดเจนของแนวโน้มที่กว้างขึ้น

การเลือก moving average ที่เหมาะสม

ให้เลือก MA ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดตามเป้าหมายการเทรดของคุณ หากคุณชอบแนวทางที่ช้ากว่าและวัดผลได้มากกว่า SMA อาจเหมาะกับความต้องการของคุณ ในขณะที่ค่า EMA หรือ WMA อาจมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับตลาดที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว เช่น ฟอเร็กซ์ หรือ สกุลเงินดิจิทัล หลักปฏิบัติอย่างกว้าง ๆ ที่เป็นประโยชน์คือการทดสอบ MA ประเภทต่าง ๆ ในกรอบเวลาที่แตกต่างกันเพื่อค้นหาสิ่งที่สอดคล้องกับสไตล์การเทรดของคุณมากที่สุด

Moving Averages ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างไร

Moving averages ไม่ได้มีค่าแค่การระบุแนวโน้มเท่านั้น ด้วยการตีความพฤติกรรมของมัน เทรดเดอร์จะสามารถค้นพบชั้นใหม่ ๆ ของพลวัตตลาดได้ MA สามารถช่วยเสริมพลังกล่องเครื่องมือการซื้อขายของคุณได้ดังนี้

การระบุและการยืนยันแนวโน้ม

บางทีการใช้ moving average แบบตรงไปตรงมาที่สุดคือการใช้เพื่อกำหนดวิถีการเคลื่อนที่ของตลาด เมื่อเส้น MA ชันขึ้นและราคาอยู่เหนือเส้นดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงว่าตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ในทางกลับกัน หากเส้น MA ลาดลงโดยราคาซื้อขายอยู่ใต้เส้น นั่นจะยืนยันถึงแนวโน้มขาลง

ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ เทรดเดอร์ที่สังเกตเห็นราคาทองคำเพิ่มขึ้นเหนือเส้น MA 100 วัน อาจตีความสิ่งนี้ว่าเป็นความเชื่อมั่นในขาขึ้น ความสามารถในการยืนยันแนวโน้มที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ความมั่นใจแก่คุณในการถือคำสั่งซื้อขายที่ชนะ และหลีกเลี่ยงการตอบสนองมากเกินไปกับการย่อตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ

นอกจากนี้ การจับคู่เส้น MA หลายเส้น เช่น ระยะสั้นหนึ่งเส้นและระยะยาวหนึ่งเส้น จะช่วยให้ความชัดเจนเพิ่มเติมได้ หากเส้น EMA 20 วัน ยังคงอยู่เหนือเส้น EMA 50 วัน การไปต่อของแนวโน้มก็จะได้รับการยืนยัน

แนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก

เส้น Moving Averages ที่มักจะทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับและแนวต้านที่ปรับตัวได้ ตัวอย่างเช่น แนวโน้มขาขึ้น ราคามักจะพักตัวกลับไปที่เส้น moving average ที่กำหนดไว้ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นไปสูงกว่าเดิม เทรดเดอร์ฟอเร็กซ์อาจใช้เส้น MA 50 วัน เป็นจุดอ้างอิง โดยรอให้ราคา EURUSD พักตัวกลับไปใกล้ ๆ ระดับนั้นก่อนที่จะเปิดสถานะ long

ในทำนองเดียวกัน ในช่วงที่เป็นแนวโน้มขาลง เส้น moving averages จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน โดยทำหน้าที่เป็นเพดานราคาที่จำกัดการขึ้นของราคา ฟังก์ชันนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถวางแผนกลยุทธ์การเข้าหรือออกในจังหวะที่แม่นยำได้

การตัดกันของเส้น MA หรือครอสโอเวอร์

ครอสโอเวอร์ถือเป็นสัญญาณยอดนิยมที่ได้จากเส้น moving averages มันได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในแง่ของความเรียบง่ายและมีประสิทธิภาพ

  • โกลเด้นครอส
    โกลเด้นครอสจะเกิดขึ้นเมื่อเส้น MA ระยะสั้น เช่น 50 วัน ได้เคลื่อนที่ขึ้นไปเหนือกว่าเส้น MA ระยะยาว เช่น 200 วัน การตัดกันขึ้นด้านบนของราคานี้จะบ่งชี้ถึงโมเมนตัมขาขึ้นที่กลับมาอีกครั้ง และมักจะถูกมองว่าเป็นสัญญาณการเข้าซื้อที่เหมาะสม

TH_image1.jpg

  • เดธครอส
    ในทางกลับกัน เดธครอสจะเกิดขึ้นเมื่อเส้น MA ระยะสั้นตกลงมาต่ำกว่าเส้น MA ระยะยาว ซึ่งจะส่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาลงและกระตุ้นให้เทรดเดอร์เตรียมพร้อมรับมือกับภาวะขาลงที่อาจเกิดขึ้น

TH_image3.jpg

ลองพิจารณาตัวอย่างเชิงปฏิบัตินี้ในการเทรดหุ้น หากหุ้นขนาดกลางเห็นเส้น SMA 50 วัน ตัดผ่านเส้น SMA 200 วัน ขึ้นด้านบน เทรดเดอร์จะตีความว่านี่คือจุดเริ่มต้นของช่วงตลาดกระทิงรอบใหม่ ซึ่งอาจกระตุ้นให้เกิดความสนใจในการเข้าซื้อในระดับที่สูงขึ้นอีก

เทคนิคขั้นสูง

สำหรับผู้ที่พร้อมจะนำ moving average ไปสู่ระดับถัดไป เทคนิคขั้นสูงเหล่านี้จะมอบความแม่นยำที่สูงขึ้นและให้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับตลาด

  • Moving average envelopes
    Envelopes จะสร้างแถบบนและแถบล่างรอบเส้น MA ซึ่งคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์เหนือและใต้เส้น MA เทรดเดอร์จะใช้แถบเหล่านี้เพื่อระบุสภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไป ตัวอย่างเช่น หากราคาแตะแถบด้านบนซ้ำ ๆ กัน นั่นอาจเป็นสัญญาณของการขยายมากเกินไป ทำให้เทรดเดอร์ต้องเตรียมรับมือกับการย่อตัวลง

  • Moving average ribbon
    ลองจินตนาการถึงลากเส้น MA 10 เส้น ตั้งแต่ 5 วันถึง 100 วัน ไว้บนกราฟเดียวกันดูสิ นี่แหละคือ moving average ribbon การแสดงภาพจะช่วยในการประเมินความแข็งแกร่งของแนวโน้มและระบุจุดกลับตัว ริบบิ้นที่เรียงตัวอย่างเรียบร้อยและชันขึ้นจะเป็นสัญญาณของแนวโน้มขาขึ้นที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ริบบิ้นที่หดตัวจะเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มกำลังอ่อนแรงลง

  • Dual moving average strategies
    การจับคู่เส้น MA ที่แตกต่างกันจะทำให้ได้สัญญาณที่ละเอียดยิ่งขึ้น เทรดเดอร์อาจใช้เส้น EMA 20 วัน ร่วมกับเส้น SMA 50 วัน เมื่อเส้น EMA ที่มีระยะสั้นกว่าตัดผ่านเส้น SMA ที่มีระยะยาวกว่า นั่นถือเป็นสัญญาณเข้าซื้อที่ชัดเจน ในทำนองเดียวกัน สัญญาณครอสโอเวอร์แบบย้อนกลับจะส่งสัญญาณถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการขายหรือเปิดสถานะ short

เทคนิคขั้นสูงในเชิงปฏิบัติ

สมมติว่าเทรดเดอร์ใช้เทคนิค moving average envelope กับฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ โดยตั้งค่า Envelopes ไว้ที่ 3% เหนือและต่ำกว่าเส้น SMA 200 วัน พวกเขาสังเกตเห็นว่าราคาได้พุ่งทะลุผ่านแถบด้านบนไปแล้ว สิ่งนี้จะบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันถูกซื้อมากเกินไป ซึ่งบ่งบอกถึงโอกาสในการขายหากตลาดลดความร้อนแรงลง

การรวมเส้น MA เข้ากับตัวบ่งชี้อื่น ๆ

เส้น MA สามารถนำไปจับคู่กับเครื่องมืออื่น ๆ ได้อย่างลงตัว ทำให้เกิดคอมโบอันทรงพลังที่เพิ่มความแม่นยำและลดสัญญาณเท็จ

1. MACD

ตัวบ่งชี้ moving average convergence divergence (MACD) ถูกสร้างขึ้นจากเส้น EMA ทำให้มันเหมาะที่จะใช้คู่กับเส้น MA หากการตัดกันขึ้นด้านบนของเส้น MACD สอดคล้องกับโกลเด้นครอสของเส้น MA นั่นจะเป็นการยืนยันถึงการเข้าซื้อที่แข็งแกร่ง ในทางกลับกัน การบรรจบกันของสัญญาณแนวโน้มขาลงจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับแนวโน้มขาลง

EN-1.jpg

2. RSI

การจับคู่เส้น MA กับ Relative Strength Index (RSI) จะช่วยเพิ่มมิติของโมเมนตัม

ลองนึกภาพดูว่าเส้น MA 20 วัน ตัดผ่านเส้น MA 50 วัน ในขณะที่ RSI อยู่ต่ำกว่า 30 สภาวะขายมากเกินไปจะเพิ่มโอกาสในการกลับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้เทรดเดอร์มีความมั่นใจในการเปิดสถานะ long

3. Bollinger bands

Bollinger bands จะนำความผันผวนเข้ามาผสมผสานด้วยการห่อหุ้มราคาไว้ภายในแถบบนและแถบล่าง หากราคาทะลุแถบบนหลังจากที่เส้น MA ตัดผ่านขึ้นด้านบน เทรดเดอร์จะตีความว่าเป็นโมเมนตัมขาขึ้นที่แข็งแกร่ง หรืออีกทางหนึ่ง แถบที่หดตัวเข้าหากันจับคู่กับการทะลุแนวรับแนวต้านของเส้น MA จะส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างมีนัยสำคัญที่อาจเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า

การประยุกต์ใช้งานจริง

Moving average จะให้ค่าที่สอดคล้องกันในสินทรัพย์ทุกประเภท

กลยุทธ์ฟอเร็กซ์

ลองนึกภาพเทรดเดอร์ที่กำลังวิเคราะห์คู่สกุลเงิน USDJPY เส้น EMA 20 วัน กับเส้น WMA 50 วัน ต่างแสดงให้เห็นว่าคู่นี้มีแนวโน้มขาขึ้น เมื่อเส้น EMA 20 วัน ตัดผ่านเส้น EMA 50 วันขึ้นด้านบน และราคาเกาะติดอยู่ที่ระดับขอบบนของ moving average envelopes เทรดเดอร์ก็จะมองเห็นโอกาสในการเข้าซื้อที่เหมาะสมที่สุด

สถานการณ์หุ้น

ลองพิจารณาสถานการณ์ที่หุ้นไบโอเทคปรับตัวลงต่ำกว่าเส้น SMA 200 วัน เล็กน้อย หลังจากที่ข่าวเหตุการณ์เชิงบวกได้ออกมาเป็นชุด ราคาได้พุ่งทะลุขึ้นเหนือเส้น SMA 200 วัน อย่างรวดเร็วด้วยปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก ซึ่งส่งสัญญาณของการพุ่งทะลุขึ้นที่ทรงพลัง เทรดเดอร์อาจใช้การเคลื่อนไหวนี้เพื่อเปิดสถานะ long โดยมั่นใจว่าโมเมนตัมดังกล่าวจะผลักดันให้ราคาหุ้นสูงขึ้นไปอีก

ข้อจำกัดของ moving averages

แม้ moving averages จะมีข้อดีหลายประการ แต่มันก็มีข้อจำกัดเช่นกัน การพึ่งพาข้อมูลในอดีตทำให้มันกลายเป็นตัวบ่งชี้ที่ล่าช้า โดยมักจะส่งสัญญาณหลังจากที่แนวโน้มได้เกิดขึ้นไปแล้ว

นอกจากนี้ ในตลาดที่มีขอบเขตจำกัดหรือเคลื่อนไหวในแนวข้าง เส้น MA อาจสร้างสัญญาณที่ทำให้เข้าใจผิดได้ โดยราคาจะตัดผ่านเส้น MA ซ้ำไปซ้ำมาแบบไม่มีทิศทางที่ชัดเจน

ในการลดความยุ่งยากเหล่านี้ เทรดเดอร์อาจลองขยายกรอบเวลาเพื่อลดผลกระทบของสัญญาณรบกวนหรือรวมเส้น MA เข้ากับตัวบ่งชี้อื่น ๆ เช่น การวิเคราะห์ปริมาณ เพื่อปรับแต่งข้อมูลเชิงลึกของตลาด การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะช่วยเติมเต็มการใช้งาน MA และทำให้มีภาพรวมการซื้อขายที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

สรุป

Moving averages เป็นรากฐานสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนในตลาดที่ซับซ้อนได้ และช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้น การเชี่ยวชาญการประยุกต์ใช้ MA ในรูปแบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคแบบง่าย ๆ กลยุทธ์ขั้นสูง หรือการจับคู่กับตัวบ่งชี้ต่าง ๆ ก็สามารถช่วยให้คุณสร้างความได้เปรียบในการซื้อขายได้

โดยการเข้าใจจุดแข็งและข้อจำกัดของมัน คุณจะสามารถปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของมันได้ ไม่ว่าคุณจะมีรูปแบบการซื้อขายใดหรือเลือกซื้อขายในตลาดใดก็ตาม การใช้ moving averages ร่วมกับการวิเคราะห์และการจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้คุณมีความมั่นใจในการจัดการกับสภาวะตลาดที่ซับซ้อนที่สุดได้อย่างแม่นยำ

ลงทะเบียนเลย

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ: