ตัวอย่าง ORB ขาขึ้น:
ในกราฟ 5 นาทีของ AMD หลังเปิดตลาด หุ้นสร้างกรอบในช่วง 15 นาทีแรกระหว่าง $149.70 – $152.67 (ดังแสดงในกรอบสีแดง) โซนนี้คือสมรภูมิแรกของการต่อสู้ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
เมื่อถึงเวลา 09:45 น. ตามเวลา ET ราคาพุ่งทะลุขึ้นเหนือ $152.67 ด้วยแรงซื้อสูง (ดูลูกศรจุดเข้า) การพุ่งทะลุนี้ยืนยันโมเมนตัมขาขึ้น จึงเป็นสัญญาณที่ชัดเจนให้เข้าซื้อ มีการวางจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ไว้ต่ำกว่าระดับต่ำสุดของกรอบที่ $149.70 เพื่อจำกัดความเสี่ยงด้านขาลงที่อาจเกิดขึ้น
จากนั้น AMD ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน จนถึงระดับ $158.18 ในช่วงบ่าย (ดูที่ลูกศรจุดทำกำไร) การเคลื่อนไหวนี้ให้ผลตอบแทนต่อความเสี่ยงเกือบ 2:1
สรุป: การตั้งค่า ORB แบบขาขึ้นจะเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุจุดสูงสุดของกรอบเปิดตลาดและมีปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นชัดเจน ด้วยการตั้งจุดหยุดขาดทุนไว้ต่ำกว่าระดับแนวรับ และตั้งเป้าหมายที่ระดับแนวต้านที่มีเหตุผล จะช่วยให้เทรดเดอร์มีวิธีการที่มีโครงสร้างในการมีส่วนร่วมกับโมเมนตัมขาขึ้นตั้งแต่เนิ่น ๆ

ตัวอย่าง ORB ขาลง:
ในกราฟ 5 นาทีนี้ Apple เปิดตลาดและสร้างกรอบเริ่มต้นระหว่างประมาณ $201.91 ถึง $203.69 (ดูในกรอบสีแดง) กรอบนี้แสดงถึงสมดุลระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในช่วงเช้า
เมื่อราคาพุ่งทะลุต่ำกว่า $201.91 ผู้ขายก็เข้าควบคุมตลาด เปิดโอกาสให้เข้าขาย จุดตัดขาดทุนถูกวางไว้เหนือจุดสูงสุดของกรอบที่ $203.69 เพื่อควบคุมความเสี่ยง
จากนั้น ราคาได้เคลื่อนไหวในทิศทางขาลงเข้าสู่โซน $198.50 (ดูลูกศรทำกำไร) การเคลื่อนไหวนี้ให้ผลตอบแทนประมาณ 1.5R เมื่อเทียบกับความเสี่ยง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของ ORB ขาลง

การเข้าเทรดแบบ Pullback หลังพุ่งทะลุกรอบ
ไม่ใช่ทุกการพุ่งทะลุช่วงเปิดตลาดจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่น นี่คือกับดักที่พบได้บ่อย
ในกราฟ Apple 1 นาทีนี้ ช่วงราคาเปิดถูกเน้นด้วยสีแดง ราคาได้พุ่งทะลุขึ้นไปเหนือกรอบในช่วงแรก แต่ปริมาณการซื้อขายไม่เพิ่มขึ้น แท่งด้านล่างแสดงให้เห็นว่าปริมาณยังคงทรงตัว ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้า
หลังจากนั้นไม่นาน ราคากลับเข้ามาในกรอบอีกครั้ง ยืนยันว่าเป็นการทะลุกรอบล้มเหลว จุดนี้สร้างโอกาสสำหรับการเข้าขาย ที่จุดเข้าใหม่ (Enter) โดยวาง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงสุดที่ล้มเหลว (Stop)
จากนั้น โมเมนตัมเปลี่ยนเป็นขาลง

สรุป: เมื่อราคาทะลุกรอบเปิดตลาดโดยไม่มีการยืนยันจากปริมาณซื้อขาย การพุ่งทะลุนั้นมักล้มเหลว การสังเกตสถานการณ์แบบนี้ช่วยให้สามารถเทรดกลับทิศได้ พร้อมระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ชัดเจน
การทดสอบย้อนหลังและความคาดหวัง
ก่อนใช้กลยุทธ์ ORB ด้วยเงินจริง สิ่งสำคัญคือการทดสอบกับข้อมูลย้อนหลัง ควรใช้ข้อมูลภายในวัน (intraday) อย่างน้อยระดับ 1 นาที เพื่อจับรายละเอียดของกรอบเปิดตลาดและกลไกการทะลุได้อย่างแม่นยำ กำหนดขั้นตอนการทดสอบที่ชัดเจน
ช่วงเวลา (Time windows): ทดสอบกรอบเปิดที่ต่างกัน (5, 15 หรือ 30 นาทีแรก) เพื่อเปรียบเทียบความไวของสัญญาณ
ตัวกรองกรอบ (Range filters): ตั้งเกณฑ์ขั้นต่ำของกรอบอย่างน้อย 0.2% ของราคา เพื่อกรองสัญญาณที่อ่อนแอ
เงื่อนไขการออก (Exit logic): เปรียบเทียบผลลัพธ์จากกำไรคงที่, Trailing stop และการออกตามเวลา
การยืนยันด้วยปริมาณ (Volume confirmation): ติดตามว่าการเทรดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยให้ผลลัพธ์ดีกว่าหรือไม่
คาดว่าผลลัพธ์จะแตกต่างกันไปตามหุ้น วัฏจักรตลาด และระดับความผันผวน ไม่มีการทดสอบย้อนหลังใดให้กราฟกำไรที่สมบูรณ์แบบ เป้าหมายไม่ใช่การหาสูตรวิเศษที่ไม่เคยล้มเหลว แต่คือการเข้าใจว่ากลยุทธ์นี้ทำงานอย่างไรภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ จากนั้นคุณสามารถใช้ความรู้นั้นในการเทรดโดยมีความคาดหวังที่เป็นจริง และค้นหาว่าเวอร์ชันใด (ขาขึ้น, ขาลง, ORB ล้มเหลว, การย่อตัว) ที่เหมาะกับสไตล์ของคุณมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อย: การเทรดแบบเบรกเอาต์ช่วงเปิดตลาด
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเทรด ORB คือเมื่อใด?เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ใช้ช่วง 15–30 นาทีแรกหลังตลาดเปิด (09:30–10:00 น. ตามเวลา ET) เพราะเป็นช่วงที่มีความผันผวนและปริมาณซื้อขายสูงสุด และกรอบเปิดตลาดจะชัดเจนที่สุด
คุณควรจัดการอย่างไรเมื่อหุ้นเปิดกระโดดมีช่องว่างกว้างมาก?หากหุ้นเปิดกระโดดจนมีช่องว่างกว้างเกินกรอบของวันก่อนหน้า ควรระวัง เพราะช่องว่างมักทำให้เกิดสัญญาณหลอก ให้รอการยืนยันด้วยปริมาณซื้อขาย หรือรอการดึงกลับครั้งแรกก่อนเข้าเทรด แทนการไล่ราคาทันที (ดูส่วนตัวเลือก)
ฉันควรถือการเทรด ORB นานแค่ไหน?ไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัว เทรดเดอร์หลายคนถือดีลไว้ 30–90 นาที หรือจนกว่าการทะลุกรอบจะสูญเสียแรงโมเมนตัม บางคนออกจากการซื้อขายก่อนตลาดปิด หากเทรดแบบรายวัน (intraday) เท่านั้น ให้ใช้เป้าหมายกำไรคงที่ (fixed R targets), การออกตามเวลา หรือปิดบางส่วน ตามแผนการเทรดของคุณ (ดูส่วนการบริหารความเสี่ยง)
ฉันสามารถทดสอบย้อนหลังกลยุทธ์ ORB ได้หรือไม่?ได้ ใช้ข้อมูลราคาย้อนหลังระดับ 1–5 นาที เพื่อจำลองการเทรด ทดสอบช่วงกรอบเปิดที่ต่างกัน (15 กับ 30 นาที), ตัวกรองกรอบ และกฎหยุด/เป้าหมาย ที่แตกต่างกัน หลีกเลี่ยงการปรับแต่งเกินไป ซึ่งจะทำให้กลยุทธ์เหมาะกับหุ้นหรือช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งมากเกินไป (ดูการทดสอบย้อนหลังและความคาดหวัง)
ORB เหมาะสำหรับบัญชีขนาดเล็กหรือไม่?เหมาะ หากจำกัดความเสี่ยงให้ต่ำ (เช่น 0.5% ของบัญชีต่อการเทรดหนึ่งครั้ง) และเทรดหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงเพื่อลดปัญหาการเคลื่นอของราคา (slippage)
บัญชีขนาดเล็กจะได้ประโยชน์มากที่สุดจากการใช้ Stop ที่แคบและหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง (ดูกรอบการกำหนดขนาดสถานะ)
อธิบายคำศัพท์ ORB
Opening Range (OR): จุดสูงสุดและต่ำสุดในช่วง 15–30 นาทีแรกหลังเปิดตลาด มันเป็นพื้นฐานสำหรับสัญญาณพุ่งทะลุหรือเบรกเอาต์
Opening Drive: การเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งทันทีหลังตลาดเปิด ซึ่งกำหนดทิศทางของวันนั้น
Gap: ช่องว่างของราคาระหว่างราคาปิดของวันก่อนกับราคาเปิดของวันถัดไป หากช่องว่างนี้กว้างเกินไป การทะลุกรอบของ ORB มักไม่น่าเชื่อถือ
Range Width: ระยะห่าง (เป็นหน่วยราคา หรือ %) ระหว่างจุดสูงและต่ำของกรอบเปิดตลาด ใช้เป็นตัวกรองเพื่อให้แน่ใจว่ากรอบนั้นสามารถเทรดได้จริง
Midpoint: ระดับ 50% ของกรอบเปิดตลาด บางครั้งใช้เป็นจุด Stop หรือแนวรับ/แนวต้านระหว่างวัน
Failed Breakout (Failed ORB): เมื่อราคาทะลุกรอบเปิดตลาดแล้วกลับเข้ากรอบอย่างรวดเร็ว มักทำให้ทริกเกอร์ Stop Loss
Pullback Entry: การรอให้ราคาทะลุกรอบก่อน แล้วดึงกลับมายังระดับพุ่งทะลุหรือเส้น VWAP ก่อนเข้าเทรด