การลงทุนที่เน้นการเติบโต vs. การลงทุนที่เน้นคุณค่า
การลงทุนที่เน้นการเติบโตมุ่งเน้นไปที่บริษัทที่คาดว่าจะเติบโตเร็วกว่าตลาดโดยรวม สิ่งเหล่านี้มักพบในภาคส่วนนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยีและพลังงานหมุนเวียน โดยทั่วไปแล้วนักลงทุนในประเภทนี้จะไม่ได้รับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทเหล่านี้มักจะนำกำไรที่ได้ไปลงทุนใหม่เพื่อกระตุ้นการเติบโต ความเป็นไปได้ที่จะได้รับผลตอบแทนสูงนั้นน่าดึงดูด แต่กลยุทธ์นี้มีความเสี่ยงมากกว่า เนื่องจากขึ้นอยู่กับความคาดหวังในอนาคตมากกว่าผลการดำเนินงานทางการเงินในปัจจุบัน ดังนั้นแนวทางนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่สามารถทนต่อการขึ้นลงของตลาดได้
ในทางกลับกัน การลงทุนที่เน้นคุณค่าเกี่ยวข้องกับการซื้อหุ้นที่คุณเชื่อว่าตลาดประเมินมูลค่าต่ำเกินไป คิดเสียว่าเป็นการมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพในราคาต่ำ นักลงทุนสายเน้นคุณค่าจะมองหาบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแต่อาจประสบกับความล้มเหลวที่ส่งผลต่อราคาหุ้นของตน กลยุทธ์นี้มีแนวโน้มที่จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนที่เน้นการเติบโต ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับนักลงทุนแบบอนุรักษ์นิยมที่มองหาความมั่นคง
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA)
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (Dollar-cost averaging: DCA) เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ โดยคุณจะลงทุนเป็นจำนวนคงที่ในช่วงเวลาสม่ำเสมอ เช่น $500 ทุกเดือน โดยไม่คำนึงถึงสภาวะตลาด วิธีนี้ช่วยลดความเครียดในการพยายามจับจังหวะในการลงทุนของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการกระจายการเข้าลงทุนแบบนี้ คุณสามารถลดผลกระทบของความผันผวนของตลาดต่อการลงทุนโดยรวมของคุณได้ เพียงจำไว้ว่ามันสามารถนำไปสู่ต้นทุนทางทำธุรกรรมที่สูงขึ้นได้
วิธีสร้างพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย

การสร้างพอร์ตการลงทุนไม่ใช่แค่การนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์เพียงไม่กี่อย่างและหวังสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้น เคล็ดลับสำคัญสี่ประการในการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่ครบครัน มีดังนี้
เปิดรับการลงทุนที่หลากหลาย
เริ่มต้นด้วยรากฐานที่แข็งแกร่งของประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย หลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่สัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด และมุ่งเป้าไปที่สินทรัพย์ที่ไม่เคลื่อนไหวไปตามกันแทน
ตัวอย่างเช่น คุณสามารถลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีเช่น Microsoft และ Apple คู่ไปกับสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น น้ำมันและทองคำ แม้ว่าตลาดเหล่านี้จะมีความสัมพันธ์กัน แต่โดยทั่วไปแล้วราคาน้ำมันหรือทองคำที่ลดลงจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อหุ้นเทคโนโลยี หากการลงทุนสองรายการดูคล้ายกันเกินไป ให้พิจารณาทางเลือกอื่น
จับตาดูต้นทุนและค่าธรรมเนียม
คุณไม่เพียงแต่ต้องพิจารณาค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์เท่านั้น ต้องดูถึงการลงทุนทั้งหมดและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้วย กฎที่ดีคือการหลีกเลี่ยงการลงทุนด้วยเงินที่คุณไม่สามารถสูญเสียได้
เมื่อคุณรู้ว่าคุณสามารถลงทุนได้เท่าไร ก็ให้ตัดสินใจว่าจะกระจายเงินนั้นไปยังตลาดต่าง ๆ ยังไงบ้าง ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแบ่งเงิน 50% ไปลงหุ้น, 30% ไปลงสินค้าโภคภัณฑ์และ 20% ไปลง Forex เปอร์เซ็นต์เหล่านี้สามารถปรับเปลี่ยนได้เมื่อเส้นทางการลงทุนของคุณดำเนินไป
พยายามมีส่วนร่วมอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้เป็นไปโดยอัตโนมัติ
แม้ว่าการลงทุนระยะยาวจะมีความสำคัญ แต่อย่าเพิ่งเปิดคำสั่งซื้อขายและลืมมันไป การละเลยพอร์ตการลงทุนของคุณหมายถึงการพลาดโอกาสและความสูญเสีย หากสินทรัพย์ใดที่ทำกำไรได้ดี คุณก็ควรพิจารณาเพิ่มการลงทุนของคุณ หากสินทรัพย์ใดที่ผลประกอบการไม่ค่อยดี ก็อย่าลังเลที่จะขายมันไป
ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยงในฐานะมือใหม่
ผู้เริ่มต้นมักจะทำผิดพลาดเหมือน ๆ กัน ดังนั้น หากสิ่งเหล่านี้ดูคุ้นเคย อาจถึงเวลาที่คุณจะต้องคิดทบทวนแนวทางการลงทุนของคุณใหม่แล้ว
ความคาดหวังที่ไม่ตั้งอยู่บนความจริง — สร้างพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายโดยพิจารณาจากการยอมรับความเสี่ยงและเป้าหมายของคุณ อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ของคนอื่นมากำหนดความคาดหวังของคุณ เนื่องจากผลตอบแทนของตลาดเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้
การลงทุนมากเกินไป — ความอดทนเป็นกุญแจสำคัญในการลงทุน การเปลี่ยนแปลงพอร์ตโฟลิโอของคุณบ่อย ๆ อาจทำให้เพิ่มต้นทุนและความเสี่ยง มุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้เกี่ยวกับสถานะปัจจุบันที่คุณถืออยู่แทนที่จะตอบสนองมากเกินไป
โดนล้างสมองจากสื่อต่าง ๆ — อย่าปล่อยให้พาดหัวข่าวที่ชวนตระหนกมากำหนดการตัดสินใจของคุณ ทำการวิจัยอย่างละเอียดจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อประกอบการลงทุนของคุณ
ไล่ตามผลตอบแทนที่สูง — การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงอาจเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจ แต่โปรดจำไว้ว่าผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้การันตีถึงผลลัพธ์ในอนาคต จงมุ่งเน้นไปที่ภาพรวมและการบริหารความเสี่ยง
พยายามจับจังหวะตลาด — การจับจังหวะของตลาดเป็นสิ่งที่ท้าทายและมักจะไม่มีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมอย่างสม่ำเสมอในพอร์ตโฟลิโอของคุณมักจะมีประโยชน์มากกว่าการพยายามทำนายความเคลื่อนไหวของตลาด
ลืมเรื่องเงินเฟ้อ — ประเมินผลตอบแทนตามความเป็นจริง โดยพิจารณาถึงผลกระทบของเงินเฟ้อ สิ่งที่คุณสามารถซื้อได้จริงด้วยกำไรจากการลงทุนมีความสำคัญมากกว่าผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ
ล้มเหลวในการเริ่มต้นหรือลงทุนต่อไป — อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือการขาดความรู้มาขัดขวางคุณจากการลงทุน ผู้ที่เก่งที่สุดยอมรับว่าความสำเร็จต้องใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องและความตั้งใจที่จะเรียนรู้
เคล็ดลับการลงทุนระยะยาว

โดยสรุป เรามาดูเคล็ดลับที่มีประโยชน์ที่สุดบางประการที่นักลงทุนระยะยาวสามารถปฏิบัติตามได้ แนวทางทั่วไปเหล่านี้ สามารถช่วยทุกคนได้ ไม่ว่าคุณจะอยู่จุดไหนในเส้นทางการลงทุน:
ลงทุนในสิ่งที่คุณเข้าใจ — เลือกลงทุนในอุตสาหกรรมและบริษัทที่คุณคุ้นเคย สิ่งนี้ช่วยให้คุณมีข้อมูลในการตัดสินใจ รวมทั้งช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นในช่วงที่ตลาดผันผวน
ขาดทุนต้องตัด กำไรต้องเก็บ — ทำความเข้าใจว่าไม่มีการรับประกันว่าหุ้นจะฟื้นตัวหลังจากที่ร่วงลง การตัดการลงทุนที่ผลดำเนินการแย่ออกไปอาจทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ฉลาดเพื่อป้องกันการสูญเสียเพิ่มเติม
อย่าไล่ทำตามคำแนะนำเกี่ยวกับหุ้น — จงสงสัยในคำแนะนำเกี่ยวกับหุ้นที่ได้รับ ไม่ว่าจะได้มาจากที่ไหนก็ตาม ควรหาข้อมูลด้วยตัวคุณเองก่อนที่จะลงทุนเงินของคุณ เคล็ดลับบางอย่างอาจใช้ได้ แต่ความสำเร็จในระยะยาวที่แท้จริงต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างละเอียด
ระมัดระวังหุ้นจิ๋ว — หุ้นราคาต่ำอาจดูปลอดภัยกว่า แต่การสูญเสียเงินกับหุ้นไป 5 ดอลลาร์ให้ความรู้สึกเหมือนสูญเสียเงินกับหุ้นไป 75 ดอลลาร์ ทั้งคู่ล้วนแสดงถึงการสูญเสียทั้งสิ้น ในความเป็นจริง หุ้นจิ๋วมักจะมีความเสี่ยงมากกว่าเนื่องจากมีกฎระเบียบน้อยกว่าและมีความผันผวนสูงกว่า
ติดตามข่าวสารอยู่เสมอ แต่ก็อย่าให้มันมากเกินกว่าที่คุณรับไหว — การติดตามข่าวสารและแนวโน้มของตลาดเป็นสิ่งสำคัญ แต่หลีกเลี่ยงการจมดิ่งอยู่ในข้อมูลกองโต มุ่งเน้นไปที่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้และกรองสิ่งรบกวนที่ทำให้คุณไม่เข้าใจออกไป คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
เปิดใจให้กว้าง — บริษัทที่มีชื่อเสียงมักจะเป็นการลงทุนที่ดี แต่อย่ามองข้ามบริษัทขนาดเล็กที่อาจมีศักยภาพดี
หวังว่าคู่มือนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจวิธีเริ่มลงทุนนะ ส่วนที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือการนำความรู้นั้นไปลงมือปฏิบัติจริง!
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
การลงทุนคืออะไร และทำไมใดฉันจึงควรลงทุน?
การลงทุน หมายถึง การนำเงินของคุณไปทำงานเพื่อให้มันเติบโตเมื่อเวลาผ่านไปและช่วยให้คุณสร้างความมั่งคั่งที่แท้จริงได้ แม้ว่าการถือเงินสดหรือการออมเงินในธนาคารจะปลอดภัย แต่การลงทุนจะช่วยให้เงินของคุณเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นผ่านกำไรทบต้นและกำไรระยะยาว
ฉันต้องใช้เงินเท่าไรในการเริ่มลงทุน?
จำนวนเงินที่คุณเริ่มต้นขึ้นอยู่กับเป้าหมาย ประเภทการลงทุน และความรู้สึกสบายใจของคุณ แต่โดยทั่วไปแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินก้อนโตในการเริ่มลงทุน ที่ FBS ผู้เริ่มต้นหรือมือใหม่สามารถเริ่มลงทุนด้วยเงินฝากเริ่มต้นขั้นต่ำเพียง $5 นอกจากนี้ ด้วยตัวเลือกเลเวอเรจ คุณสามารถทวีคูณเงินฝากนั้นได้อย่างมาก
อายุเท่าไรที่ดีที่สุดที่จะเริ่มลงทุน?
เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งคุณเริ่มเร็วเท่าไร เงินของคุณก็จะยิ่งมีเวลาเติบโตมากขึ้นเท่านั้น ตามหลักการแล้ว คุณต้องการเริ่มต้นตั้งแต่เด็กเพื่อรับความเสี่ยงและพัฒนานิสัยทางการเงินที่ดี ท้ายที่สุดแล้ว เวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มลงทุนก็คือตอนนี้
ฉันจะกำหนดระดับความเสี่ยงที่ฉันยอมรับได้ได้อย่างไร?
ประเมินสถานการณ์ทางการเงินของคุณ กำหนดเป้าหมายการลงทุน และประเมินความเข้าใจในการลงทุนของคุณ พิจารณาว่าคุณสบายใจแค่ไหนกับความผันผวนของตลาดและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น หากต้องการเปอร์เซ็นต์ที่เฉพาะเจาะจงและข้อมูลเชิงลึกอันมีค่า ให้พิจารณาใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยงออนไลน์
มือใหม่อย่างฉันควรลงทุนในหุ้น พันธบัตร หรือกองทุนรวมดี?
มือใหม่อาจต้องการมุ่งเน้นไปที่หุ้นเพราะหุ้นมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แถมยังน่าตื่นเต้นและช่วยให้คุณเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทที่คุณเชื่อมั่นได้ โปรดจำไว้ว่าพวกมันมีความผันผวนมากกว่าและมีความเสี่ยงมากกว่า ดังนั้นให้เริ่มจากหุ้นที่ทำการศึกษาค้นคว้ามาอย่างดีสองสามตัว
ฉันจะสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายได้ยังไง?
เลือกประเภทสินทรัพย์ที่หลากหลาย ประกอบด้วย หุ้น ดัชนี ฟอเร็กซ์ และสินค้าโภคภัณฑ์ เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ภายในสินทรัพย์แต่ละประเภท ให้เลือกการลงทุนที่หลากหลาย เช่น ลงทุนหุ้นในภาคส่วนที่แตกต่างกัน ตรวจสอบและปรับพอร์ตโฟลิโอของคุณอยู่เป็นประจำเพื่อรักษาสัดส่วนของสินทรัพย์ในอุดมคติของคุณไว้ได้เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลง
Robo-Advisor คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Robo-Advisors เป็นแพลตฟอร์มการลงทุนอัตโนมัติที่สร้างและจัดการพอร์ตการลงทุนของคุณโดยใช้อัลกอริธึม คุณตอบคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับเป้าหมายทางการเงินและความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ แล้วคำถามเหล่านั้นจะสร้างพอร์ตโฟลิโอส่วนบุคคลสำหรับคุณ
อย่างไรก็ตาม มันต่างกับ Expert Advisor ตรงที่ Robo-Advisor ไม่ได้สอนหรืออธิบายแนวคิดการลงทุน นั่นหมายความว่าคุณจะพลาดข้อมูลเชิงลึกทางการศึกษาและเคล็ดลับการซื้อขายที่ช่วยให้คุณเข้าใจตลาดและตัดสินใจด้วยข้อมูลที่ครบถ้วนด้วยตนเอง
ฉันควรใช้เงินจากรายได้ของฉันเท่าไรในการลงทุน?
มันขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงิน ค่าใช้จ่าย และสถานการณ์ส่วนตัวของคุณ แนวทางทั่วไปคือการตั้งเป้าไว้ที่ 10% ของรายได้ แต่ถ้าคุณสามารถลงทุนได้มากขึ้นโดยไม่ส่งผลกระทบกับความต้องการที่สำคัญของคุณ มันก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก ลองเริ่มต้นด้วยจำนวนเงินเล็กน้อยที่คุณรู้สึกว่าจัดการได้ และเมื่อสถานการณ์ทางการเงินของคุณดีขึ้น ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุนคืออะไรและจะช่วยฉันได้อย่างไร?
การลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) คือ การลงทุนในจำนวนเงินที่กำหนดตามตารางเวลาที่กำหนดเป็นประจำไม่ว่าตลาดจะเป็นอย่างไร มันได้รับการออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบของความผันผวนของตลาด คุณจะซื้อได้มากขึ้นเมื่อราคาต่ำ และจะซื้อได้น้อยลงเมื่อราคาสูง แม้จะมีข้อเสียบางประการ เช่น มีความเป็นไปได้ที่จะพลาดโอกาสดี ๆ แต่คุณก็ได้หลีกเลี่ยงความเครียดในการพยายามที่จะจับจังหวะของตลาดและส่งเสริมการลงทุนที่มีวินัย
ฉันจะเลือกกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมได้อย่างไร?
พิจารณากรอบเวลาของคุณ — ระยะเวลาที่คุณวางแผนจะลงทุนก่อนที่จะต้องการใช้เงินทุนของคุณ — เนื่องจากขอบเขตที่ยาวกว่าจะทำให้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกได้มากขึ้น ประเมินความรู้และประสบการณ์ของคุณกับประเภทการลงทุนที่แตกต่างกัน และลองศึกษากลยุทธ์ต่าง ๆ เช่น การลงทุนแบบเน้นการเติบโต การลงทุนแบบเน้นคุณค่า หรือการลงทุนเชิงรับ/เชิงรุก เพื่อค้นหากลยุทธ์ที่ตรงกับวัตถุประสงค์และที่ทำให้คุณพอใจ