ภาพรวมตลาด
การเปิดตัว Gemini 3 ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนักพัฒนาอย่างกว้างขวาง และถูกมองว่า “ใช้งานจริงได้ดีกว่าแค่ผลสอบ Benchmark” ช่วยยืนยันว่า Alphabet ไม่ได้เป็นเพียงผู้ตาม แต่กำลังก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำด้าน AI อย่างเต็มตัว การมีโซลูชันครบตั้งแต่ชิป TPU, โครงสร้างพื้นฐาน Google Cloud ไปจนถึงผลิตภัณฑ์ปลายทางอย่าง Search, YouTube และ Gemini ทำให้บริษัทสามารถเปลี่ยนดีมานด์ด้าน AI ให้เป็นรายได้จริงได้หลายช่องทาง ขณะเดียวกัน กระแสข่าวเรื่องการขาย TPU ให้ Meta หรือการติดตั้งใช้งานนอกรัฐของ Google เอง หากเกิดขึ้นจริง จะเปิด “ตลาดฮาร์ดแวร์ AI” ใหม่ให้ Alphabet จากเดิมที่เน้นให้บริการผ่านคลาวด์เพียงอย่างเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนหนุนให้ตลาดประเมินศักยภาพการสร้างกระแสเงินสดระยะยาวของ Alphabet สูงขึ้น และสอดคล้องกับภาพราคาหุ้นที่ยังมีโอกาสทำจุดสูงใหม่ต่อได้
การเปิดเผยว่า Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์เข้าซื้อหุ้น Alphabet ยิ่งเพิ่มน้ำหนักความเชื่อมั่นจากนักลงทุนสถาบันอย่างชัดเจน หุ้นไม่ได้ถูกมองว่าเป็นแค่ “เทรดกระแส AI ระยะสั้น” อีกต่อไป แต่คือการลงทุนตามโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ในยุค AI ทั้งระบบ ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าหุ้นเทคส่วนใหญ่ และทนต่อแรงขายจากรอบย่อของหุ้น AI ช่วงก่อน แสดงว่าตลาดเริ่มมอบสถานะ “หุ้นแกนกลางของธีม AI” ให้ Alphabet แล้ว นอกจากนี้ยังมี Upside จากธุรกิจที่ตลาดยังไม่ให้มูลค่าเต็ม เช่น Quantum Computing และ Waymo ซึ่งหากเริ่มสร้างรายได้หรือกำไรชัดเจนมากขึ้น ก็พร้อมจุดขาขึ้นรอบใหม่ต่อจากโมเมนตัมของ AI ได้ทันที
ขณะเดียวกัน Google Cloud ก็กลายเป็นอีกเสาหลักที่ยืนยันการเติบโตของบริษัท รายได้ Cloud โตมากกว่า 30% YoY และ Backlog สัญญาค้างเพิ่มขึ้นเด่นชัด ขณะที่ Capex ที่บริษัทเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคลาวด์และ AI ซึ่งสะท้อนว่า Alphabet กำลังลงทุนรองรับดีมานด์จริง ไม่ใช่แค่สร้างภาพลักษณ์ด้านนวัตกรรมเท่านั้น การที่ TPU ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งตรงของ Nvidia มากขึ้น และมีรายงานว่าลูกค้าใหญ่ระดับ Meta, OpenAI และ Anthropic เริ่มพิจารณาใช้ หรือใช้งานจริงอยู่แล้ว ยิ่งตอกย้ำว่าสถาปัตยกรรมแบบครบวงจร โดยทั้งโมเดล + ชิป + คลาวด์ ของ Google กำลังจับมูลค่าในห่วงโซ่ AI ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งร่วมกันสนับสนุนกำไรระยะกลางถึงยาวให้แข็งแรงขึ้นตามลำดับ
ในระยะยาว Alphabet ยังมี “ออปชันการเติบโต” ที่ตลาดยังไม่ได้สะท้อนมูลค่าเต็ม เช่น Waymo และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีใหม่ ๆ การขยายบริการรถไร้คนขับไปยังเมืองใหญ่หลายแห่ง และการร่วมมือกับระบบขนส่งสาธารณะ อาจพัฒนาไปสู่ธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดระดับใหญ่ได้หากโมเดลธุรกิจพิสูจน์ตัวเองสำเร็จ ด้านความเสี่ยงกฎระเบียบ แม้คดีผูกขาดในตลาดโฆษณายังต้องติดตามต่อ แต่การที่ศาลไม่บังคับให้ขายธุรกิจ Search ทำให้แรงกดดันบางส่วนเริ่มคลี่คลาย หาก Alphabet สามารถรักษาความเป็นผู้นำใน Search และโฆษณา พร้อมเดินหน้าขยาย AI, Cloud, Waymo และ Quantum ควบคู่กันไปได้ โครงสร้างผลกำไรระยะยาวยังเปิดพื้นที่ให้ “ราคาหุ้นถูกปรับขึ้นตามพื้นฐาน” ได้อีกมากในอนาคต
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
GOOGLE
ราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือกรอบแนวรับสีแดงได้อย่างชัดเจน พร้อมรักษาทิศทางภายในกรอบเทรนไลนขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงแรงซื้อที่ยังคงหนุนให้โครงสร้างขาขึ้นแข็งแรงอยู่ในเวลานี้ ตราบใดที่ราคาไม่ถอยกลับลงมาต่ำกว่าโซนรับดังกล่าว แนวโน้มการปรับตัวขึ้นต่อยังคงมีความเป็นไปได้สูง โดยแนวต้านถัดไปจะอยู่บริเวณ 350 ดอลลาร์ซึ่งเป็นโซนที่ตลาดอาจเข้าไปทดสอบอีกครั้ง แต่หากราคาอ่อนตัวหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 272 ดอลลาร์ลงมาได้ ก็มีโอกาสทำให้แรงขายกลับเข้าควบคุม และอาจกดให้ราคาถอยลงไปสู่แนวรับถัดไปแถวโซน 250 ดอลลาร์ในลำดับถัดไป
GOOGLE (DAILY)

