ภาพรวมตลาด
แม้นโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์จะสร้างแรงกดดันต่อระบบการค้าทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ แต่อีกด้านหนึ่งกลับกลายเป็นแรงกระตุ้นสำคัญที่ผลักดันให้ยุโรปเร่งพัฒนา “ความเป็นอิสระทางเศรษฐกิจ” อย่างจริงจังมากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการลงทุนในพลังงานสะอาด การป้องกันประเทศ และเทคโนโลยีภายในภูมิภาค ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการวางรากฐานเพื่อให้ทวีปยุโรปสามารถลดการพึ่งพาจากภายนอก และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว บทวิเคราะห์จากนักกลยุทธ์ระดับโลกหลายสำนักระบุว่า ความไม่แน่นอนที่ถาโถมจากฝั่งสหรัฐฯ อาจกลายเป็น “แรงผลัก” ที่ทำให้ยุโรปมีโอกาสกลับมายืนหยัดอย่างแข็งแกร่งอีกครั้ง ผ่านการลงทุนใหม่ในภาคส่วนยุทธศาสตร์ และการส่งเสริมการผลิตในภูมิภาคของตนเอง ซึ่งกำลังได้รับการสนับสนุนจากทั้งระดับชาติและสหภาพยุโรป
ในด้านนโยบายการเงิน การประชุมครั้งที่ผ่านมา ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 2.25% เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการค้าระหว่างประเทศที่สูงขึ้น และเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในกลุ่มยูโรโซน โดยมีแนวโน้มว่าจะลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีกอย่างน้อยสองครั้งภายในปีนี้ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่กำลังชะลอตัวลงเข้าใกล้ระดับเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ตัวเลข GDP ไตรมาสแรกของยูโรโซนขยายตัว 0.4% ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ถือเป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนถึงความสามารถในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันภายนอกจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ นอกจากนี้ มาตรการกระตุ้นการคลังในเยอรมนีวงเงินกว่า 500 พันล้านยูโร ก็เริ่มส่งผลเชิงบวก โดยสนับสนุนการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปในช่วงปลายปี
แม้ว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและภาคธุรกิจในยุโรปจะมีความผันผวนในระยะสั้นจากความไม่แน่นอนด้านภาษีนำเข้า แต่การปรับโครงสร้างเชิงยุทธศาสตร์ที่กำลังเกิดขึ้นในหลายประเทศยุโรปได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับโอกาสการเติบโตในระยะยาว โดยเฉพาะในด้านการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน การส่งเสริมนวัตกรรม และการผลิตในประเทศซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากรัฐบาลในภูมิภาค สัญญาณเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อมั่นใหม่ให้กับนักลงทุน ซึ่งเริ่มกลับมาประเมินมุมมองเชิงบวกต่อยุโรปอีกครั้ง โดยเฉพาะหลังจากที่เศรษฐกิจยูโรโซนสามารถเติบโตได้เร็วกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสามปี ภายใต้บริบทของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงและเสถียรภาพเชิงนโยบายที่มากขึ้น ตลาดหุ้นยุโรปจึงมีโอกาสฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีปัจจัยลบใหม่ ๆ เข้ามากระทบในระยะสั้น
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
EU50
ดัชนี Euro Stoxx 50 (EU50) เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกอีกครั้งในกรอบเวลารายวัน (Daily) หลังจากที่ราคาสามารถทะลุกรอบราคาสีแดงขึ้นมาได้อย่างชัดเจน พร้อมกับการเคลื่อนไหวที่ยังคงอยู่ภายในกรอบแนวโน้มขาขึ้น ซึ่งถือเป็นการยืนยันว่าโมเมนตัมเชิงบวกในระยะกลางถึงระยะยาวยังคงได้รับการสนับสนุน จากมุมมองทางเทคนิค ค่า RSI ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 51 ซึ่งถือเป็นการกลับมายืนเหนือโซนกลางได้อีกครั้ง บ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มกลับเข้ามามีบทบาทในตลาด ขณะเดียวกัน ค่า MACD แม้จะยังเคลื่อนไหวในแดนลบ แต่เริ่มมีสัญญาณโค้งกลับขึ้นของเส้น MACD และเส้นสัญญาณ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของการกลับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในระยะถัดไป ยิ่งไปกว่านั้น การที่ราคาสามารถยืนเหนือกรอบแนวรับเดิม (กรอบสีแดง) ได้อย่างมั่นคง และยังไม่หลุดจากเส้นแนวโน้มขาขึ้นหลัก ยิ่งช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับแนวโน้มเชิงบวกโดยรวม โดยแนวต้านสำคัญถัดไปที่ควรจับตาอยู่ที่บริเวณ 5,445.96 จุด ซึ่งหากราคาสามารถทะลุผ่านได้อย่างชัดเจน ก็อาจเปิดทางให้เกิดการเร่งตัวขึ้นต่อในระยะกลาง
EU50 (DAILY)
