ภาพรวมตลาด
แม้เศรษฐกิจสหรัฐยังเผชิญความผันผวนหลายด้าน แต่ข้อมูลล่าสุดกลับช่วยเสริมมุมมองเชิงบวกต่อดัชนี US500 อย่างชัดเจน โดยดัชนี Composite PMI เดือนพฤศจิกายนขยับขึ้นแตะ 54.8 นำโดยภาคบริการที่ขยายตัวแรงที่สุดในรอบหลายเดือน ขณะที่ยอดคำสั่งซื้อใหม่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบปี สะท้อนว่ากิจกรรมภาคเอกชนยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและมีแรงส่งมากกว่าที่ตลาดคาด นักเศรษฐศาสตร์ประเมินว่า PMI ในระดับนี้สอดคล้องกับการเติบโตของ GDP ราว 2.5% ในไตรมาส 4 ซึ่งถือว่าแข็งแรงพอจะพยุง sentiment ของตลาดหุ้น แม้ต้นทุนการผลิตจะขยับขึ้นบ้าง แต่ยังไม่รุนแรงพอที่จะทำให้ภาพรวมการเติบโตเสียสมดุลในระยะสั้น
สัญญาณการฟื้นตัวจากภาคอุตสาหกรรมก็ช่วยเสริมความเชื่อมั่นเช่นกัน โดยคำสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองติดต่อกันแตะ 3.13 แสนล้านดอลลาร์ นำโดยคำสั่งซื้อกลุ่มอากาศยานและอุปกรณ์ขนส่งที่ขยายตัวโดดเด่น ข้อมูลนี้สะท้อนว่าภาคธุรกิจยังคงเดินหน้าลงทุนในสินค้าทุนแม้อยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ซึ่งมักตีความเป็นสัญญาณว่าความต้องการพื้นฐานยังแข็งแรง และมีแนวโน้มหนุนรายได้และกำไรของบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งเป็นสองกลุ่มใหญ่ในดัชนี S&P 500 จึงไม่น่าแปลกที่ข้อมูลเหล่านี้ได้กลายเป็นแรงหนุนสำคัญให้ดัชนีมีพื้นที่ปรับตัวขึ้นต่อไปได้
แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่การใช้จ่ายในหมวดบริการ ร้านอาหาร บาร์ และสินค้าจำเป็นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลประกอบการของผู้ค้าปลีกรายใหญ่ เช่น Walmart, Gap และ Best Buy ออกมาดีเกินคาด สะท้อนว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงมีกำลังซื้อในสินค้าราคาเข้าถึงง่ายและสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อเศรษฐกิจฐานราก นอกจากนี้ CPI และ PPI แม้ยังมีแรงกดดันบ้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่เฟดบริหารจัดการได้ ทำให้นักลงทุนเชื่อว่าความเสี่ยงที่เฟดจะต้องกลับมาเข้มงวดไม่สูงมาก และยังเปิดทางให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในระยะถัดไป ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เอื้อต่อการประเมินมูลค่าหุ้นโดยรวม
ด้านตลาดแรงงาน แม้อัตราว่างงานขยับขึ้นเป็น 4.4% แต่การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ที่ 119,000 ตำแหน่ง แสดงว่าตลาดแรงงานยังคงมีความยืดหยุ่น ไม่ได้ชะลอตัวรุนแรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล อีกทั้งค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ยังช่วยผ่อนแรงกดดันเงินเฟ้อในมุมมองของเฟด ทำให้ภาพรวมตลาดแรงงานยังคงอยู่ในระดับที่สนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคและกำไรของบริษัทในไตรมาสต่อไป นอกจากนี้ ตลาดยังตีความว่าการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอาจเป็นเงื่อนไขที่เปิดโอกาสให้เฟดมีพื้นที่ปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสินทรัพย์เสี่ยงโดยตรง ส่งผลให้แนวโน้มของ US500 ยังเอียงไปทางขาขึ้นในระยะข้างหน้าอย่างมีน้ำหนัก
การวิเคราะห์ทางเทคนิค
US500
ราคายังคงเคลื่อนไหวเหนือกรอบแนวรับสีแดงได้อย่างมั่นคง แสดงให้เห็นว่าบริเวณดังกล่าวยังเป็นจุดที่แรงซื้อเข้ามาพยุงราคาไว้ได้ดี ขณะเดียวกันโครงสร้างภาพรวมยังคงเกาะอยู่ในกรอบเทรนไลนขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงแรงส่งเชิงบวกที่ยังไม่ได้ถูกทำลาย ทำให้โอกาสที่ราคาจะไต่ระดับขึ้นต่อยังมีน้ำหนักมากกว่า โดยมีแนวต้านถัดไปอยู่บริเวณ 7,000 จุด ซึ่งอาจเป็นด่านสำคัญที่ต้องจับตาในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 6,450 จุดลงไปได้ ก็มีความเสี่ยงที่โมเมนตัมจะพลิกกลับและดึงราคาให้ลงไปทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 6,285 จุดอีกครั้ง
US500 (DAILY)

