เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

26 ส.ค. 2025

กลยุทธ์

ตัวบ่งชี้ Volume Profile คืออะไร?

ในบทความนี้

Volume Profile

ตัวบ่งชี้ Volume Profile: มันคืออะไรและจะใช้ในการเทรดได้อย่างไร

ตัวบ่งชี้ Volume Profile แสดงปริมาณการซื้อขายไม่ใช่ตามช่วงเวลา แต่เป็นตามระดับราคาที่เฉพาะเจาะจง Volume Profile จะแสดงบนกราฟในรูปแบบของฮิสโทแกรมแนวนอน โดยที่แต่ละแถบจะสะท้อนถึงปริมาณการซื้อขายทั้งหมดในระดับราคานั้น ๆ แถบที่ยาวกว่าหมายถึงปริมาณการซื้อขายที่สูงกว่า

ในขณะที่ตัวบ่งชี้ปริมาณการซื้อขายแบบดั้งเดิมจะแสดงข้อมูลปริมาณการซื้อขายตามช่วงเวลา ตัวบ่งชี้ Volume Profile จะแสดงโซนราคาที่เทรดเดอร์ได้เปิดคำซื้อขายไว้ Volume Profile แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมการซื้อขายได้เพิ่มขึ้น ขึ้นถึงจุดสูงสุด และลดลงภายในช่วงเวลาที่กำหนดอย่างไรบ้าง

หลักการทำงานของ Volume Profile

หลักการทำงานของ Volume Profile

1. ระดับราคา คือแกนนอนที่แสดงกิจกรรมการซื้อขายภายในช่วงราคาหนึ่ง

2. ระดับปริมาณ (Volume Nodes) แสดงจุดที่มีคำสั่งซื้อขายที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดที่สังเกตเห็น โดยสามารถแบ่งออกได้เป็นสองประเภท:

  • ระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด (High volume nodes - HVN) แสดงจุดที่มีกิจกรรมการซื้อขายสำคัญเกิดขึ้น บ่งชี้ถึงความสนใจสูงและอาจเป็นพื้นที่แนวรับหรือแนวต้าน
  • ระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำสุด (Low volume nodes - LVN) แสดงกิจกรรมการซื้อขายที่น้อยที่สุด ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็วเนื่องจากขาดความสนใจ

3. จุดควบคุม (Point Of Control - POC) คือระดับที่มีการส่งตำสั่งซื้อขายมากที่สุด โดยปกติจะแสดงเป็นเส้นสีแดง

4. พื้นที่มูลค่า (Value area - VA) คือช่วงระดับราคาที่มีการซื้อขายเกิดขึ้น 70% โซนนี้มีความสำคัญสำหรับการกำหนดโซนราคาที่เป็นธรรม นี่คือจุดที่แสดงถึงความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน

5. ราคาเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักด้วยปริมาณ (Volume Weighted Average Price - VWAP) คือปริมาณการซื้อขายในแต่ละระดับราคา ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความรู้สึกของตลาดเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยอย่างง่าย

ไม่เหมือนกับกราฟเวลา ตัวบ่งชี้ Volume Profile แสดงให้เห็นจุดที่ตลาดมีความเคลื่อนไหวมากที่สุด

หลักการทำงานของ Volume Profile

ประเภทและแพลตฟอร์ม

เทรดเดอร์จะใช้ปลั๊กอินและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ Volume Profile

  • ปลั๊กอินที่กำหนดเอง: FXSSI (FX Social Sentiment Indicators) และผลิตภัณฑ์ MetaTrader Market FXSSI มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับ volume อย่างเช่น Volume Profile, order flow และการวิเคราะห์ความลึกของตลาด ส่วนใน MetaTrader Market ก็มีปลั๊กอินที่ชื่อว่า "Volume Profile" อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันการทำงานของปลั๊กอินเหล่านี้ก็ยังมีข้อจำกัด

  • TradingView เป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์ Volume ที่มีความยืดหยุ่นมากกว่า โดยอนุญาตให้วิเคราะห์ Volume ได้หลายประเภท เช่น:

    • Fixed Range Volume Profile เหมาะสำหรับเมื่อเทรดเดอร์ต้องการวิเคราะห์ช่วงเวลาเฉพาะหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของกราฟ โดยสามารถเน้นย้ำพื้นที่ที่มีการสะสมของ volume ในช่วงที่ผู้ใช้กำหนดได้ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับการตั้งค่าการเทรดแบบเบรกเอาต์

    • Session Volume Profile จะรีเซ็ตทุกวัน/ทุกสัปดาห์ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเทรดรายวัน หรือการวิเคราะห์เซสชันการเทรดเฉพาะ โดยมันสามารถแสดงระดับราคาที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในแต่ละเซสชันได้
    • Visible Range Profile จะปรับเปลี่ยนตามพื้นที่กราฟที่มองเห็นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเหมาะสำหรับการวิเคราะห์อย่างรวดเร็วในกรอบเวลา โดยไม่จำเป็นต้องกำหนดช่วงด้วยตนเอง

  • แพลตฟอร์มระดับมืออาชีพอื่น ๆ (เช่น Sierra Chart, NinjaTrader, หรือ Bookmap) นำเสนอการสร้างโปรไฟล์แบบ Tick-by-Tick ที่ละเอียดยิ่งกว่า แต่แก่นหลักของตรรกะการทำงานนั้นเหมือนกับใน TradingView

วิธีใช้ Volume Profile ในการเทรด

  • การเทรดจากค่าหนึ่งไปยังอีกค่าหนึ่ง (Trading from value to value) จะได้ผลดีในตลาดที่สมดุลซึ่งมีแนวโน้มแบบออกข้างหรือกำลังสะสมราคา แนวคิดของกลยุทธ์นี้คือ หากราคาเคลื่อนที่ไปถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดนอกโซนสมดุลแล้ว มันมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่ราคายุติธรรม (Fair Value) ในสถานการณ์เช่นนี้ ระดับราคาสูงสุดของพื้นที่มูลค่า (VAH) จะทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ในขณะที่ระดับราคาต่ำสุดของพื้นที่มูลค่าจะทำหน้าที่เป็นแนวรับ เมื่อราคาอยู่ใกล้กับ VAH คุณอาจพิจารณายืนขาย โดยคาดว่าราคาจะดึงกลับไปยัง POC หรือ VAL และเมื่อราคาเข้าใกล้ระดับราคาต่ำสุดของพื้นที่มูลค่าคุณก็สามารถยืนซื้อได้ โดยคาดหวังว่าราคาจะกลับไปยัง POC หรือ ระดับราคาสูงสุดของพื้นที่มูลค่า

  • การเบรกเอาต์จากสภาวะสมดุล (Breakout from Balance) จะถูกใช้เมื่อราคาเบรกเอาต์ออกจากพื้นที่มูลค่าโดยมี volume รองรับ และเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่มูลค่าใหม่ สถานการณ์นี้มักถูกสังเกตเห็นในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง เมื่อราคาเร่งตัวในทิศทางใดทิศทางหนึ่งและสร้าง Profile ใหม่ พร้อมกับพื้นที่มูลค่าและจุด POC ที่เปลี่ยนแปลงไป การเบรกเอาต์ที่แท้จริงจะต้องมี volume ที่แข็งแกร่งสนับสนุน หาก volume ไม่เพียงพอ การเคลื่อนที่นั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นการเบรกเอาต์หลอก ให้เทรดเดอร์สังเกตว่าการเบรกเอาต์เกิดขึ้นเหนือระดับสูงสุดของพื้นที่มูลค่า (สำหรับการเบรกเอาต์แบบขาขึ้น) หรือต่ำกว่าระดับต่ำสุดของพื้นที่มูลค่า (สำหรับการเบรกเอาต์แบบขาลง) เมื่อการเบรกเอาต์ได้รับการยืนยันแล้ว เทรดเดอร์สามารถเข้าเทรดในทิศทางของการเบรกเอาต์นั้นได้ ตัวอย่างเช่น หากราคาเบรกเอาต์เหนือระดับสูงสุดของพื้นที่มูลค่า ให้พิจารณาเปิดสถานะซื้อเพื่อติดตามแนวโน้ม

  • การดีดตัวออกจากระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำสุด (Low Volume Node Rejection) เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่เข้าสู่พื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ ซึ่งมีกิจกรรมทางการซื้อขายน้อยหรือแทบไม่มีเลย เมื่อราคาเข้าสู่พื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ มันมักจะเร่งตัวและเคลื่อนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากมีความสนใจในการซื้อขายที่ระดับราคาเหล่านั้นน้อย ซึ่งทำให้ราคาสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากขึ้น โดยทั่วไปแล้วเทรดเดอร์มักคาดการณ์ว่าราคาจะดีดตัวกระดอนออกหรือเคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำเหล่านี้ไปอย่างรวดเร็ว แทนที่จะติดค้างหรือรวมตัวอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว หากราคาเคลื่อนที่เข้าใกล้พื้นที่ที่มีปริมาณการซื้อขายต่ำ เทรดเดอร์อาจเปิดสถานะด้วยความคาดหวังว่าราคาจะดีดตัวออกจากพื้นที่นั้น

กลยุทธ์การซื้อขายโดยใช้ Volume profile

มีกลยุทธ์หลัก 2 ประการสำหรับการเทรดโดยใช้ Volume Profile ได้แก่:

  1. การย้อนกลับสู่ระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด (High-Volume Node Retracements) เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการดึงกลับของราคาไปยังระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุด (HVNs) HVNs คือพื้นที่ที่ตลาดเคยซื้อขายด้วยปริมาณการซื้อขายสูงสุดมาก่อน พื้นที่เหล่านี้มักทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านที่แข็งแกร่ง เทรดเดอร์จะใช้ HVNs เพื่อดูว่าราคาจะดึงกลับมาที่จุดหนึ่งในช่วงแนวโน้มหรือไม่ ซึ่งช่วยพวกเขาประเมินโอกาสการกลับตัวหรือการหยุดชะงักของราคา ในแนวโน้มขาขึ้นที่มี HVNs เทรดเดอร์มักจะเข้าซื้อ ในขณะที่ในแนวโน้มขาลง พวกเขาจะมองหาโอกาสขาย การยืนยันปฏิกิริยาด้วยปริมาณหรือรูปแบบการกลับตัวจะช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จได้

    วิธีใช้ Volume Profile ในการเทรด

  2. การกำหนดแนวโน้มด้วยการกระจายตัว (Determining Trend with Distributions) เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยระบุแนวโน้มตลาดโดยการวิเคราะห์ว่าปริมาณการซื้อขายกระจายตัวไปตามระดับราคาต่าง ๆ อย่างไร เมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นที่ระดับราคาที่สูงขึ้น นั่นส่งสัญญาณถึงแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่สูงขึ้นที่ระดับราคาที่ต่ำลงชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มขาลง ด้วยกลยุทธ์นี้ คุณสามารถกำหนดได้ว่าแนวโน้มมีความแข็งแกร่งหรือไม่ การเปลี่ยนแปลงในการกระจายตัวของปริมาณการซื้อขายสามารถบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มหรือช่วงพักฐานที่อาจเกิดขึ้นได้

    วิธีใช้ Volume Profile ในการเทรด

กลยุทธ์ทั้งสองสามารถนำมาใช้ร่วมกันเพื่อระบุแนวโน้มและระดับจุดเข้า การย้อนกลับมาหาระดับราคาที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดจะให้จุดเข้าที่แม่นยำในช่วงที่ราคาดึงกลับ ในขณะที่การวิเคราะห์การกระจายตัวจะช่วยกำหนดความแข็งแกร่งโดยรวมของแนวโน้ม

แนวปฏิบัติและการตั้งค่าที่ดีที่สุด

ต่อไปนี้คือคำแนะนำเกี่ยวกับการตั้งค่าที่คุณสามารถใช้สำหรับการเทรดโดยใช้ Volume Profile

1. การใช้ช่วงราคาที่คงที่ในการเคลื่อนไหวที่มีโมเมนตัมแข็งแกร่งเพื่อระบุจุดต่ำสุดของการเบรกเอาต์ เมื่อเลือกช่วงราคาสำหรับการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่ง คุณสามารถระบุจุดต่ำสุดของการเบรกเอาต์ ซึ่งโดยปกติจะสอดคล้องกับจุดรวมตัวของราคาก่อนที่การเคลื่อนไหวจะเริ่มขึ้น จุดควบคุม (POC) หรือพื้นที่มูลค่า (VA) ภายในช่วงนี้มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นระดับราคาที่เกิดกิจกรรมการซื้อขายมากที่สุด เมื่อราคาเบรกเอาต์ออกจากช่วงนี้ POC หรือ VA สามารถนำมาใช้เป็นระดับแนวรับ (หากราคากำลังเคลื่อนที่ขึ้น) หรือระดับแนวต้าน (หากราคากำลังเคลื่อนที่ลง) ซึ่งช่วยในการกำหนดว่าราคาอาจเด้งกลับมาที่ระดับใดหรือเคลื่อนที่ต่อไปในทิศทางของการเบรกเอาต์

2. เชื่อมโยง Volume Profile กับแท่งเทียนข่าว (news candles) หรือ ไส้เทียนที่ดีดตัว (bounce wicks) เพื่อช่วยระบุระดับที่สำคัญซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยเหตุการณ์เหล่านี้ ระดับเหล่านี้มักแสดงถึงพื้นที่ที่มีความผันผวนสูงซึ่งมีการซื้อขายในปริมาณมาก สังเกตว่าตลาดจะเดินตามพื้นที่เหล่านี้หรือปฏิเสธพวกมัน ในอนาคต คุณจะสามารถวิเคราะห์ตลาดได้ดีขึ้นเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวที่คล้ายกัน

3. ใช้เครื่องมือเพิ่มเติม เพื่อการยืนยันที่ดียิ่งขึ้น:

  • เส้นแนวโน้มจะช่วยให้คุณเข้าใจบริบทและบอกคุณได้ว่าแนวโน้มเป็นขาขึ้นหรือขาลง

  • การยืนยันรูปแบบแท่งเทียนที่จุดสูงสุด/ต่ำสุดของ VA: ให้ติดตามรูปแบบแท่งเทียน เนื่องจากสามารถให้การยืนยันสำหรับการกลับตัวหรือการต่อเนื่องของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นได้

  • การใช้ RSI หรือ VWAP ในการวิเคราะห์ความแข็งแกร่ง/ความอ่อนแอของตลาด: ใช้ RSI (Relative Strength Index) หรือ VWAP (Volume Weighted Average Price) ในการประเมินความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอของตลาด ตัวอย่างเช่น การที่ RSI แสดงภาวะซื้อมากเกินไปหรือขายมากเกินไปใกล้กับระดับสำคัญของ Volume Profile (VAH หรือ VAL) อาจบ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นสูงในการกลับตัว ส่วน VWAP สามารถแสดงว่าราคาอยู่เหนือหรือต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของวันนั้นได้หรือไม่

กรอบเวลาแบบสั้นมักสร้างสัญญาณหลอกและเสี่ยงต่อสัญญาณรบกวนจากตลาด ควรใช้กรอบเวลาที่สูงขึ้น (H1-H4) เพื่อโฟกัสที่แนวโน้มขึ้นใหญ่จะดีกว่า

ข้อจำกัดและข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  • ตัวบ่งชี้ Volume Profile เป็นเครื่องมือที่แสดงผลเชิงปฏิกิริยา (Reactive) โดยมันไม่สามารถทำนายอนาคตได้ แต่จะแสดงสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดไปแล้ว Volume Profile ไม่สามารถทำนายการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคตโดยตรง แต่มันเป็นเครื่องมือสำหรับทำความเข้าใจสถานการณ์ตลาดในอดีต ซึ่งสามารถนำไปใช้เพื่อทำความเข้าใจว่าภาคราคาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในสถานการณ์ต่าง ๆ เครื่องมือนี้ควรใช้ควบคู่กับวิธีการอื่น ๆ ในการทำนายการเคลื่อนไหวในอนาคต เช่น RSI, Moving Averages และอื่น ๆ

  • คุณต้องใช้บริบทร่วมด้วย การเทรดโดยใช้เพียงค่า VAH (Value Area High) และ VAL (Value Area Low) โดยไม่คำนึงถึงแนวโน้มหลักโดยรวม อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้ เนื่องจากคุณอาจตกอยู่ในสถานการณ์การเบรกเอาต์หลอก ให้วิเคราะห์เแนวโน้มเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ โดยกำหนดความแข็งแกร่งของแนวโน้มรวมถึงประเภทของแนวโน้ม - ว่าเป็นขาขึ้น หรือ ขาลง

  • ปัญหาของการรีเซ็ตเชสชั่น แพลตฟอร์มอย่าง MT4 และ MT5 มักไม่สามารถกำหนดขอบเขตของเซสชั่นได้อย่างแม่นยำ เนื่องจากมีอคติและความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ซึ่งอาจทำให้ Volume Profile แสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ควรระมัดระวังในการกำหนดเซสชั่น โดยแนะนำให้ตั้งค่าเซสชั่นด้วยตนเอง หรือใช้ตัวบ่งชี้ Volume Profile แบบกำหนดเองที่อาขช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้

  • การพึ่งพามากเกินไป (Over-reliance) กลุ่มของปริมาณการซื้อขาย (Volume Clusters) ไม่ใช่ "กระสุนวิเศษ" เนื่องจากมันไม่อาจรับประกันว่าจะทำหน้าที่เป็นระดับแนวรับ/แนวต้านได้เสมอไป ตลาดอาจเคลื่อนที่ผ่านโซนเหล่านี้ไปโดยไม่เกิดปฏิกิริยาที่มีนัยสำคัญ ควรใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคเพิ่มเติมควบคู่กันเสมอ

เทรดเดอร์ใหม่หลายคนมักเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตีความ Volume Profile เมื่อพวกเขาเชื่อว่า POC (Point of Control) หรือจุดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดนั้น ทำหน้าที่เหมือนแม่เหล็กที่จะดูดราคาให้กลับมาเสมอไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันจะทำงานแบบนั้นเฉพาะในสภาวะตลาดที่สมดุลหรือกำลังสะสมราคาเท่านั้น

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT4 บน
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลด MT5 บน
App Store

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

ผลกระทบต่อสังคมของเรา

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: The Bentley, #16 Cor A Street & Princess Margaret Drive, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น