FBS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16

ปลดล็อกของรางวัลวันเกิด: ตั้งแต่แก็ดเจ็ตและรถในฝันไปจนถึงทริป VIPเรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

04 ก.ย. 2024

กลยุทธ์

ICT trading คืออะไร? วิธีบริหารความเสี่ยงด้วยกลยุทธ์ ICT

MDP-4484_cover_1200x675_EN.png

คู่มือที่ครอบคลุมในการใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ Inner Circle Trader ในการซื้อขาย

กลยุทธ์การซื้อขาย ICT คืออะไร?

หลักการพื้นฐานและวัตถุประสงค์ของกลยุทธ์การซื้อขาย ICT

กลยุทธ์ ICT เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ได้รับการพัฒนาโดย Michael J. Huddleston แนวทางที่ซับซ้อนในการเทรดฟอเร็กซ์ซึ่งจำลองพฤติกรรมของผู้เล่นสถาบันขนาดใหญ่ (สถาบันต่าง ๆ) ในตลาด ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์รายย่อยสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดได้โดยการทำความเข้าใจและเลียนแบบกลยุทธ์ที่สถาบันต่าง ๆ ใช้ วิธีนี้ถูกสร้างขึ้นจากความเข้าใจเชิงลึก เกี่ยวกับโครงสร้างตลาด (market structure), การไหลของคำสั่งซื้อ (order flow), และการเคลื่อนไหวของราคา (price action)

องค์ประกอบหลักของกลยุทธ์การซื้อขาย ICT

กลยุทธ์ด้าน ICT ประกอบไปด้วยองค์ประกอบจำนวนหนึ่งที่จำเป็นต่อการระบุการตั้งค่าคำสั่งซื้อขายที่มีศักยภาพและการคาดการณ์พฤติกรรมของตลาด สิ่งเหล่านี้รวมกันจะแสดงให้เห็นกรอบการทำงานของเทรดเดอร์ รวมถึงบล็อกคำสั่ง (order blocks), ช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผล (fair value gaps), กลุ่มสภาพคล่อง (liquidity pools) และอื่น ๆ อีกมาก

ภาพรวมสั้น ๆ ของกลยุทธ์การซื้อขายและความสำคัญ

บทนำสู่กลยุทธ์การซื้อขาย ICT

กลยุทธ์การซื้อขาย นี้มีฟังก์ชันที่สำคัญ โดยมอบระบบให้กับเทรดเดอร์เพื่อทำการตัดสินใจซื้อขาย กลยุทธ์การซื้อขาย ICT มีความโดดเด่นเป็นพิเศษในเรื่องการวิเคราะห์โดยละเอียด ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์สามารถท่องไปในตลาดการเงินที่ซับซ้อนได้ เทรดเดอร์ที่เชี่ยวชาญกลยุทธ์นี้จะได้เปรียบเหนือคู่แข่งเป็นอย่างมาก

ทำความเข้าใจเรื่องกลยุทธ์การซื้อขาย ICT

กลยุทธ์การซื้อขาย ICT ประกอบด้วยแนวคิดสำคัญหลายประการ ได้แก่ โครงสร้างตลาด (market structure), จุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม (optimal trade entry points) และความสำคัญของช่วงเวลาการซื้อขายต่าง ๆ การทำความเข้าใจแนวคิดเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นต่อการประยุกต์ใช้วิธีการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาปรับปรุงความสามารถของเทรดเดอร์ในการทำนายการเคลื่อนไหวของตลาดและเข้าใจถึงรากฐานของการเคลื่อนไหวเหล่านั้น

คำอธิบายโดยละเอียดของส่วนประกอบที่สำคัญ

ช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผล (Fair value gap)

Fair value gap (FVG) หรือที่เรียกว่า ความไม่สมดุล (imbalance) เป็นแนวคิดที่มีความสำคัญต่อกลยุทธ์การซื้อขาย ICT มันหมายถึงช่องว่างราคาที่เกิดจากความไม่สมดุลในการซื้อหรือการขาย ซึ่งมักนำไปสู่การเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงของราคาออกไปจากมูลค่าที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้ว ช่องว่างเหล่านี้จะถูกเติมเต็มเมื่อตลาดแสวงหาความสมดุล โดยให้จุดเข้าและจุดออกที่เป็นไปได้แก่เทรดเดอร์

MDP-4484_1_1200x675.png
The fair value gap (FVG)

โดยทั่วไปแล้ว FVG จะแสดงเป็นรูปแบบแท่งเทียนสามแท่งบนกราฟราคา ในกรณีที่เป็นขาขึ้น:

  • ไส้เทียนด้านบนสุดของแท่งเทียนแท่งแรกจะไม่เชื่อมต่อกับไส้เทียนด้านล่างของแท่งเทียนแท่งที่สาม

  • ช่องว่าง (บนแท่งเทียนแท่งที่สอง) ที่สร้างขึ้นจากไส้เทียนของแท่งเทียนแท่งแรกและแท่งที่สามจะถูกเรียกว่าช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผล (fair value gaps)

ในกรณีที่เป็นขาลง รูปแบบจะกลับกัน โดยไส้เทียนด้านล่างของแท่งเทียนแท่งแรกจะไม่เชื่อมต่อกับไส้เทียนด้านบนของแท่งเทียนแท่งที่สาม

ตลาดพยายามที่จะเติมเต็มโซนความไม่สมดุลนี้ (FGV) โดยจะทำหน้าที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดราคา การมองเห็นช่องว่างเหล่านี้จะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถคาดการณ์ปฏิกิริยาราคาที่อาจเกิดขึ้นและวางแผนจุดเข้าและจุดออกได้

MDP-4484_2_1200x675.png
จุดเข้า Short

หากต้องการเปิดสถานะ Short ให้รอให้ราคากวาดกลุ่มสภาพคล่องที่ใกล้ที่สุด แล้วกลับตัวโดยทิ้ง FVG ไว้ข้างหลัง ดังที่แสดงในกราฟด้านบน

จุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสมและช่วงราคาที่สมดุล

จุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม (Optimal trade entry) ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญอีกประการหนึ่งของกลยุทธ์ ICT แนวคิดนี้จะเกี่ยวข้องกับการระบุช่วงราคาที่สมดุล ซึ่งเป็นโซนที่ตลาดจะกลับไปทดสอบอีกครั้งก่อนที่จะกลับสู่แนวโน้มเดิม

ระดับเหล่านี้มีความสำคัญในแง่ที่ว่ามันมีความสำคัญต่อผู้เข้าร่วมระดับสถาบัน ตัวอย่างเช่น ราคาดีดตัวที่ระดับที่กำหนดบ่งบอกว่าได้มีการส่งคำสั่งซื้อขายขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากหรือมีการตัดขาดทุนเป็นจำนวนมาก ราคามักจะกลับไปหาจุดที่มันดีดตัว ซึ่งทำให้จุดเหล่านั้นเป็นจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม

อีกวิธีหนึ่งในการทำความเข้าใจจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม (OTE) จะอิงจากข้อเท็จจริงที่ว่าในช่วงแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์จะเลือกเทรด long ในการเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาจะมองหาการปรับฐานในแนวโน้มขาขึ้นที่ลึกมากพอที่จะเสนออัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เหมาะสม แต่ไม่ลึกเกินไปจนทำลายแนวโน้ม การปรับฐานเหล่านี้ มักจะถูกเรียกว่า OTEs โดยทั่วไปจะสอดคล้องกับความไม่สมดุล บล็อกคำสั่ง หรือการย้อนกลับที่ต่ำกว่าระดับ Fibonacci 0.618 ซึ่งจะรับประกันจุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสมโดยใช้ประโยชน์จากการดึงกลับ (pullback) ตามธรรมชาติและรักษาพลังของแนวโน้มไว้

MDP-4484_3_1200x675.png
ช่วงราคาที่สมดุล

ในการระบุโซนช่วงราคาที่สมดุล (BPR) คุณจะต้องระบุช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผลในฝั่งขายของราคา และอีกหนึ่งช่องว่างในฝั่งซื้อ (หรือตรงกันข้ามในสถานการณ์กลับกัน)

ช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผลเหล่านี้จะถูกวางเรียงกันในแนวนอน

ตอนนี้ให้ค้นหาและระบุพื้นที่ราคาที่ช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผลทั้งสองทับซ้อนกัน

MDP-4484_4_1200x675.png

ในกรณีเช่นนี้ ระดับ Fibo 0.702 จะช่วยให้คุณเปิดคำสั่งซื้อขายด้วยอัตราความเสี่ยง/กำไรที่ดีกว่า

ในตัวอย่างข้างต้น คุณจะเห็นว่าราคาพลิกกลับลงอย่างไรเมื่อถึงโซน BPR ที่ระดับ Fibonacci 0.702

บล็อกคำสั่ง (Order blocks)

บล็อกคำสั่งซื้อคือโซนอุปทานและอุปสงค์ที่ผู้เข้าร่วมตลาดสถาบันและเทรดเดอร์รายย่อยวางคำสั่งซื้อขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก เนื่องจากคำสั่งซื้อในจำนวนมหาศาลสามารถทำให้ราคาเกิดการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรุนแรง มันจึงถูกแบ่งออกเป็นบล็อกคำสั่งซื้อที่เล็กลงและดำเนินการตามคำสั่งโต้ตอบเพื่อสะสมสภาพคล่อง ขั้นตอนเหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์สถาบันสามารถส่งคำสั่งซื้อขนาดใหญ่ได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคาอย่างมีนัยสำคัญ

MDP-4484_5_1200x675.png

OB ขาลงมักจะมีลักษณะคล้ายกับแท่งเทียนขาขึ้นแท่งสุดท้ายก่อนที่จะปรับตัวลง หรือในสถานการณ์ตรงกันข้ามก็คือแท่งเทียนขาลงก่อนที่จะปรับตัวขึ้น

MDP-4484_6_1200x675.png

ในการระบุบล็อกคำสั่งซื้อ กรอบเวลาใหญ่ ๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องรวมไว้ในกราฟ ตัวอย่างเช่น การบล็อกคำสั่งรายวัน (OB) มีความสำคัญมากกว่า OB ราย 4 ชั่วโมงมาก โดยทั่วไปแล้วบล็อกคำสั่งในกรอบเวลาที่สูงกว่าจะมีอิทธิพลที่แข็งแกร่งกว่าและมักจะย้อนกลับไปหาจุดที่เกิด price action และเชื่อถือได้มากกว่าในการตัดสินใจซื้อขาย

Kill Zones

MDP-4484_7_1200x675.png

Kill zones จะแสดงช่วงเวลาเฉพาะในแต่ละวันที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะแสดงบางการเคลื่อนไหวที่สามารถคาดเดาได้เป็นพิเศษ ช่วงเวลาดังกล่าวรวมถึง ช่วงเวลาตลาดเอเชีย, ช่วงเวลาเปิดตลาดลอนดอน และช่วงเวลาเปิดตลาดนิวยอร์ก

ช่วงเวลาตลาดเอเชีย

ช่วงเวลาตลาดเอเชียจะเริ่มตั้งแต่เวลา 03:00 น. ถึง 12:00 น. (GMT+3) เป็นช่วงเวลาที่เฉพาะเจาะจงมากในกลยุทธ์ ICT เนื่องจากมันมักจะแสดงถึงช่วเวลาที่ตลาดมีการสะสมราคา ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการซื้อขายที่มีศักยภาพในช่วงเวลาตลาดลอนดอนและนิวยอร์กที่มีความผันผวนมากกว่า

MDP-4484_8_1200x675.png

ในกรอบเวลาที่สูงขึ้น คุณสามารถใช้ ช่วงเวลาตลาดเอเชีย ตามหลักการ ICT เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาหลังช่วงเวลาตลาด โดยทั่วไปแล้วการสะสมราคาที่แน่นหนาภายในช่วงเวลาตลาดเอเชียมักจะเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งตลาดมีแนวโน้มที่จะกวาดสภาพคล่องออกไปไม่ว่าจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าช่วงนี้ก็ตาม การกวาดสภาพคล่องดังกล่าวทำให้เทรดเดอร์รายย่อยติดกับดักในการซื้อขายในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง เพราะหลังจากนั้นราคามักจะกลับตัว

โมเมนตัมในช่วงเวลาเปิดตลาดลอนดอน

MDP-4484_9_1200x675.png

ช่วงเวลาเปิดตลาดลอนดอนเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องความผันผวนที่เพิ่มสูงขึ้นและการเคลื่อนไหวของราคาที่มีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน kill zone ในช่วงเวลาเปิดตลาดลอนดอนตั้งแต่เวลา 09:00 น. ถึง 12:00 น. (GMT +3) ช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR และ GBP ซึ่งอาจมอบโอกาสในการทำกำไรได้แบบเน้น ๆ

ช่วงเวลาตลาดลอนดอนมีศักยภาพสูงสุดต่อการเคลื่อนไหวตามทิศทางที่สำคัญ หากแนวโน้มรายวันเป็นขาขึ้น เทรดเดอร์สามารถใช้ช่วงเวลาตลาดนี้ในการระบุจุดต่ำสุดและสูงสุดของวันซื้อขายได้ โดยทั่วไปแล้ว จุดสูงสุดหรือต่ำสุดของวันจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาตลาดลอนดอน ทำให้มันเป็นช่วงเวลาสำคัญในส่งคำสั่งซื้อขายตามแนวโน้มรายวันโดยรวม

MDP-4484_10_1200x675.png

ปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลาตลาดนิวยอร์ก

Kill zone ในช่วงเวลาตลาดนิวยอร์กจะเริ่มตั้งแต่เวลา 13:00 น. ถึงเวลา 16.00 น. GMT ในฤดูหนาว และตั้งแต่เวลา 12:00 น. ถึง 15:00 น. GMT ในช่วงฤดูร้อนถือเป็นเวลาที่สำคัญสำหรับสกุลเงินที่คู่กับ USD และตลาดเกือบทั้งหมด ช่วงเวลาดังกล่าวจะเป็นจุดทับซ้อนกันของช่วงเวลาตลาดลอนดอนและนิวยอร์ก ซึ่งส่งผลให้ความผันผวนเพิ่มสูงขึ้นเนื่องจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันของเทรดเดอร์จากทั้งสองทวีป

ในช่วงเวลานี้ เทรดเดอร์จะมองหาแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปหรือกลับตัวตามที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาตลาดลอนดอนและช่วงเวลาตลาดเอเชีย

MDP-4484_11_1200x675.png

ความเสี่ยงและข้อจำกัดของกลยุทธ์การซื้อขาย ICT

  • เพื่อให้ประสบความสำเร็จในการนำกลยุทธ์ ICT ไปใช้ เทรดเดอร์จะต้องรอจนกว่าการตั้งค่า (setup) จะชัดเจนและปฏิบัติตามกฎการจัดการความเสี่ยงอย่างเคร่งครัด

  • ความซับซ้อนของกลยุทธ์ ICT ต้องใช้ความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของราคา กลุ่มสภาพคล่อง และพฤติกรรมของผู้เล่นสถาบัน

  • ความสำเร็จของกลยุทธ์ ICT จะขึ้นอยู่กับความสามารถของเทรดเดอร์ในการตีความสัญญาณตลาดและส่งคำสั่งซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำ แม้ว่าคุณจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกลยุทธ์ แต่การตีความที่ผิดพลาดหรือส่งคำสั่งซื้อขายที่ไม่มึคุณภาพก็อาจส่งผลให้เกิดความสูญเสียได้

ข้อเสียหรือความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ ICT

หนึ่งในความยุ่งยากหลัก ๆ ของกลยุทธ์ ICT คือความซับซ้อน กลยุทธ์นี้จะครอบคลุมหลากหลายแนวคิดและต้องมีความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับพลวัตของตลาด นอกจากนี้ กลยุทธ์นี้อาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์จำกัดหรือมีเวลามากพอที่จะเรียนรู้กลยุทธ์นี้

เคล็ดลับในการลดความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรให้ได้สูงสุด

เพื่อให้สามารถลดความเสี่ยงและเพิ่มผลผลกำไรให้ได้สูงสุดจากกลยุทธ์การซื้อขาย ICT ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การระบุการตั้งค่าในกรอบเวลาที่สูงกว่าและเล็กกว่าอย่างถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญ แล้วค่อยซื้อขายไปตามแนวโน้ม การปรับแนวทางให้สอดคล้องกับแนวโน้มจะเพิ่มโอกาสของคำสั่งซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือคุณต้องแน่ใจว่าอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนของคุณนั้นสมดุลกับผลกำไรเพื่อการจัดการความเสี่ยงที่ดี ตัวอย่างเช่น กลยุทธ์ที่มีอัตราผลกำไรที่ 50% และอัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่ 1:2 สามารถรวมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างแนวทางการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จ

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าแนวคิดเรื่องนักลงทุนรายใหญ่ (smart money) ไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันความสำเร็จ แต่เป็นหลักการที่ต้องอาศัยการทดสอบย้อนหลังอย่างละเอียดถี่ถ้วนและการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง การทดสอบกลยุทธ์ของคุณย้อนหลังถือเป็นสิ่งสำคัญในการตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงได้ และช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งกลยุทธ์ของคุณให้ดีขึ้นได้ การรู้จักแนวทางของคุณขึ้นอยู่กับวิธีการที่ได้รับการทดสอบแล้ว ไม่ใช่สมมติฐานเชิงทฤษฎี จะช่วยให้คุณสงบใจลงได้

สรุป

การสำรวจกลยุทธ์การซื้อขาย ICT จำเป็นต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับองค์ประกอบสำคัญและรากฐานของการเคลื่อนไหวของตลาด โดยการมุ่งความสนใจไปที่ช่องว่างราคาที่สมเหตุสมผล จุดเข้าซื้อขายที่เหมาะสม และพลวัตของช่วงเวลาตลาดต่าง ๆ เทรดเดอร์จะสามารถปรับปรุงความสามารถในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดและพฤติกรรมของเทรดเดอร์สถาบันได้ แม้ว่ากลยุทธ์จะซับซ้อนและมีความเสี่ยง แต่การศึกษาและการฝึกฝนอย่างเหมาะสมอาจช่วยให้เทรดเดอร์ใช้ประโยชน์จากกลยุทธ์ดังกล่าวเพื่อการซื้อขายที่ประสบความสำเร็จได้

คำถามที่พบบ่อย

ICT เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่ดีหรือไม่?

รูปแบบการซื้อขาย ICT ประสบความสำเร็จอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์จำนวนมาก เนื่องจากมันมีวิธีการวิเคราะห์ตลาดแบบมีโครงสร้าง รูปแบบนี้จะเน้นไปที่การทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด กระแสคำสั่งซื้อของสถาบัน และระดับสำคัญของราคา อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มันมีความซับซ้อน มันจึงไม่เหมาะกับเทรดเดอร์ทุกคน โดยเฉพาะมือใหม่ที่อาจพบว่ามันล้นสมองในตอนแรก

กลยุทธ์ ICT Silver Bullet คืออะไร?

กลยุทธ์ ICT Silver Bullet เป็นแนวทางการซื้อขายรายวันที่มุ่งเน้นไปที่การจับการเคลื่อนไหวของราคาที่สำคัญในกรอบเวลาสั้น ๆ มันเกี่ยวข้องกับการระบุจุดสภาพคล่องที่สำคัญและการซื้อขายในช่วงเวลาเฉพาะของวันในตอนที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะแสดงการเคลื่อนไหวที่คาดเดาได้มากขึ้น กลยุทธ์นี้มุ่งเน้นที่จะใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรวดเร็ว และได้รับการออกแบบมาให้ทำงานในสภาวะตลาดที่มีสภาพคล่องสูง

โครงสร้างตลาด ICT คืออะไร?

โครงสร้างตลาด ICT เป็นกรอบการทำงานที่ใช้ในการทำความเข้าใจและวิเคราะห์ทิศทางโดยรวมและพฤติกรรมของตลาด มันเกี่ยวข้องกับการระบุขั้นตอนต่าง ๆ ที่สำคัญ เช่น การสะสม การปั่น และการแจกจ่าย รวมไปถึงการรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มของตลาด สามารถบ่งชี้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้โดยการทำลายระดับราคาที่สำคัญ ซึ่งสามารถส่งสัญญาณถึงโอกาสทางในการซื้อขายที่มีศักยภาพ การทำความเข้าใจโครงสร้างของตลาดเป็นสิ่งสำคัญต่อการนำกลยุทธ์การซื้อขาย ICT ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลยุทธ์การซื้อขาย ICT คืออะไร?

กลยุทธ์ ICT (Inner Circle Trader) จะครอบคลุมเทคนิคและหลักการต่าง ๆ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการซื้อขายโดยใช้ประโยชน์จากพฤติกรรมและยุทธวิธีของเทรดเดอร์สถาบัน มันเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจโครงสร้างตลาด ICT กระแสคำสั่งซื้อ และช่วงเวลาตลาดที่สำคัญ

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: 9725, Fabers Road Extension, Unit 1, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น