FBS ก้าวเข้าสู่ปีที่ 16

ปลดล็อกของรางวัลวันเกิด: ตั้งแต่แก็ดเจ็ตและรถในฝันไปจนถึงทริป VIPเรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดบัญชี
เปิดบัญชีล็อกอิน
เปิดบัญชี

26 ก.พ. 2025

กลยุทธ์

15 รูปแบบกราฟที่สำคัญที่สุด

1200x675.jpg

เมื่อคุณกำลังซื้อขายหุ้น การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะช่วยให้คุณเห็นการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในตลาด คุณสามารถใช้รูปแบบกราฟเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิคของคุณได้ พวกมันจะปรากฏบนกราฟราคาและระบุทิศทางที่ตลาดมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางนั้น รวมถึงจุดที่คุณสามารถเปิดหรือปิดสถานะได้

ในบทความนี้ เราจะบอกให้คุณทราบว่ารูปแบบกราฟคืออะไร คุณจะนำไปใช้ในการเทรดได้อย่างไร และค้นหาเกี่ยวกับ 15 รูปแบบกราฟหุ้นที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยคุณในการเทรดได้

รูปแบบกราฟคืออะไร?

รูปแบบกราฟ คือการแสดงภาพกราฟิกของความผันผวนของราคาโดยใช้ชุดของเส้นแนวโน้มและเส้นโค้งบนกราฟ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกการขึ้นและลงที่เกิดขึ้นในตลาดนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของบางรูปแบบ แต่ถ้าราคาเคลื่อนไหวในลักษณะที่เคยสังเกตเห็นมาก่อนในเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งในตลาด ก็มีโอกาสสูงมากที่การก่อตัวใหม่นี้น่าจะเกิดขึ้นจากเหตุการณ์เดียวกันนั้นอีกครั้ง

รูปแบบกราฟมีขั้นตอนทำงานอย่างไร?

ตลาดถือว่ามีธรรมชาติเป็นวัฎจักร และรูปแบบกราฟจึงกลายเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมในการพยากรณ์ทิศทางในอนาคตของแนวโน้ม รูปแบบกราฟหุ้นก็เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ทางเทคนิค พวกมันจะอิงจากแนวคิดที่ว่าพฤติกรรมของนักลงทุนมีแนวโน้มที่จะเกิดซ้ำ ๆ ตามกาลเวลา

ราคาหุ้นไม่อาจเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวของมันเอง แต่เป็นการสะท้อนการตัดสินใจของบุคคลจริงที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความทะเยอทะยานเดียวกันกับบรรพบุรุษของพวกเขา กราฟหุ้นก็เป็นตัวแทนของอารมณ์เหล่านี้ ซึ่งจะสะท้อนถึงทั้งการมองโลกในแง่ดีและแง่ร้าย หากราคาสร้างรูปแบบที่คุ้นเคยอย่างชัดเจน เทรดเดอร์อาจลงเอยด้วยการตัดสินใจซื้อขายแบบเดียวกันกับคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้

เหตุผลที่คุณควรวิเคราะห์รูปแบบกราฟ

แม้ว่ารูปแบบจะไม่ได้มีความน่าเชื่อถือ 100% ในแง่ของการทำนายทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา แต่เราก็สามารถนำมันมาใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ได้หลากหลาย กราฟจะแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานภายในตลาด — เมื่อเทรดเดอร์สนใจที่จะซื้อหุ้นมากกว่าขาย และในทำนองกลับกัน

เมื่อตลาดเคลื่อนไหวในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง การคาดเดาก็จะง่ายขึ้น ระดับแนวรับและแนวต้าน จุดพุ่งทะลุ จุดเข้า และการดีดตัวที่อาจเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์สามารถตรวจจับได้จากหนึ่งรูปแบบกราฟ ดังนั้นแม้ว่าแนวโน้มจะจบลงในทิศทางที่แตกต่างจากที่คุณคาดไว้ คุณก็จะมีข้อมูลเยอะมากที่จะใช้ในการปกป้องคำสั่งซื้อขายของคุณจากการสูญเสีย

ประเภทของรูปแบบกราฟ

รูปแบบกราฟมีอยู่หลากหลายรูปแบบ แต่เราสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มที่แตกต่างกัน:

  • รูปแบบต่อเนื่อง รูปแบบต่อเนื่องจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันจะดำเนินต่อไปหลังจากที่รูปแบบเสร็จสมบูรณ์ โดยทั่วไปแล้ว รูปแบบเหล่านี้จะปรากฏบนกราฟหุ้นหลังจากช่วงที่มีการสะสมราคาในระยะสั้น มันจะให้สัญญาณการหยุดชะงักชั่วคราวของแนวโน้ม แต่โดยปกติแล้วจะไม่นำไปสู่การกลับตัวของทิศทางการเคลื่อนไหวของราคา

  • รูปแบบกลับตัว รูปแบบกลับตัวจะบ่งชี้ว่าแนวโน้มปัจจุบันกำลังจะสิ้นสุดลง และทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาก็มีแนวโน้มที่จะกลับตัว

  • รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทาง รูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทางจะบ่งชี้ว่าตลาดยังไม่มีการตัดสินใจ ดังนั้นราคาอาจเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก็ได้ รูปแบบเหล่านี้สามารถถูกนำมาใช้เพื่อเทรดทั้งสองทิศทาง ดังนั้นเทรดเดอร์ควรรอให้ราคาพุ่งทะลุรูปแบบออกไปก่อนแล้วค่อยเข้าร่วมกับฝ่ายที่ชนะ

ประเภทกราฟที่สำคัญที่สุด

กราฟที่คุณสามารถใช้ในการซื้อขายได้นั้นมีอยู่ด้วยกันหลายประเภท แต่ประเภทที่สำคัญที่สุด ได้แก่ กราฟเส้น กราฟแท่ง และกราฟแท่งเทียน

กราฟเส้น จะแสดงให้เห็นการเคลื่อนไหวโดยทั่วไปของราคาตลาดในกรอบเวลาหนึ่ง ๆ โดยการลากเส้นระหว่างแต่ละราคาปิด พวกมันจะแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาปิดและแนวโน้มปัจจุบัน และช่วยให้เทรดเดอร์มองเห็นภาพรวมของความผันผวนของราคา

กราฟแท่ง ถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์ราคาเปิดและราคาปิด ตลอดจนราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด แต่ละแท่งจะแสดงราคาซื้อขายต่ำสุด (ด้านล่างของแท่ง) ราคาซื้อขายสูงสุด (ด้านบนของแท่ง) ช่วงการซื้อขาย (ตัวแท่ง) ราคาเปิด (เส้นแนวนอนฝั่งซ้าย) และราคาปิด (เส้นแนวนอนฝั่งขวา) ความยาวของแท่งจะช่วยให้เทรดเดอร์สามารถมองเห็นได้ว่าตลาดกำลังมีความผันผวนหรือมีเสถียรภาพ

กราฟแท่งเทียน มักจะถูกเรียกว่าเป็นกราฟแท่งอีกรูปแบบหนึ่ง กราฟแท่งเทียนจะแสดงข้อมูลเหมือนกับกราฟแท่ง แต่อ่านได้ง่ายกว่ามาก

ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างกราฟทั้งสองประเภทคือ เนื้อแท่งเทียนจะแสดงช่วงระหว่างราคาเปิดและราคาปิด นอกจากนี้ แท่งเทียนยังมีสีสันที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยหากราคาของสกุลเงินปิดต่ำกว่าราคาเปิด เนื้อแท่งเทียนจะเป็นสีแดง ในขณะที่เนื้อเทียนสีเขียวจะแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด

การสร้างภาพข้อมูลนี้จะช่วยให้เทรดเดอร์เห็นว่าตลาดปัจจุบันถูกครอบงำโดยผู้ซื้อหรือผู้ขาย และสามารถระบุแนวโน้มปัจจุบันได้ ในบทความนี้ เราจะมาพูดคุยกันถึงรูปแบบกราฟแท่งเทียน

15 รูปแบบกราฟหุ้นที่คุณควรรู้

Ascending triangle (สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น)

รูปแบบกราฟแรกที่เราจะพิจารณาคือ Ascending Triangle รูปแบบนี้เป็นรูปแบบ ขาขึ้น ต่อเนื่องที่ก่อตัวขึ้นเมื่อราคาเริ่มแกว่งตัวในช่วงที่แคบลง เส้นบน (แนวต้าน) ของสามเหลี่ยมเฉียงขึ้นจะเป็นเส้นแนวนอน ในขณะที่จุดต่ำสุดจะสร้างเส้นล่าง (แนวรับ) ที่กำลังปีนเข้าหาเส้นแนวต้าน มันจะไต่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าราคาจะทะลุเส้นแนวต้านในที่สุด ยืนยันรูปแบบ แล้วเคลื่อนไหวขึ้นต่อ

Descending triangle (สามเหลี่ยมลาดลง)

ขั้วตรงข้ามของ ascending ก็คือ descending triangle ซึ่งเป็นรูปแบบขาลงต่อเนื่องที่ปรากฏขึ้นเมื่อราคาของหุ้นเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวต้านที่ค่อย ๆ ลาดลงและแนวรับที่เป็นเส้นแนวนอน เมื่อเส้นแนวต้านและแนวรับบรรจบกัน การพุ่งทะลุก็จะเกิดขึ้น — ราคาก็จะยิ่งร่วงต่ำลงและดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาลง

Symmetrical triangle (สามเหลี่ยมด้านเท่า)

รูปแบบสุดท้ายของรูปแบบกรอบสามเหลี่ยมก็คือ symmetrical triangle ซึ่งก่อตัวขึ้นจากเส้นแนวรับที่เฉียงขึ้นและเส้นแนวต้านที่ลาดลง ราคาจะดีดกลับจากทั้งสองเส้นในช่วงที่ค่อย ๆ แคบลงอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งเส้นทั้งสองตัดกัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าราคาจะไปในทิศทางใดหลังจากที่มันพุ่งทะลุออกไปได้ เนื่องจากทั้งผู้ซื้อและผู้ขายต่างก็มีอิทธิพลต่อตลาดเท่ากัน นี่คือเหตุผลที่ symmetrical triangle นั้นเป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทาง เทรดเดอร์ควรวางสองคำสั่ง Stop ไว้ทั้งเหนือและใต้เส้น

TH_image_03.jpg

Flag (ธง)

รูปแบบ flag มักจะเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและได้กำไรเร็ว มันเป็นรูปแบบต่อเนื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงกลางของแนวโน้มที่แข็งแกร่ง รูปแบบ flag จะก่อตัวขึ้นเมื่อแนวโน้มเข้าสู่ช่วงสะสมราคาสั้น ๆ ซึ่งมันอาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นและขาลง หลังจากที่พุ่งขึ้นหรือดิ่งลงอย่างกะทันหัน (ที่เราเรียกกันว่า "เสาธง") ราคาจะเริ่มผันผวนและย้อนกลับไปหาการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ที่อยู่ในช่วงแคบ ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกับสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เอียงเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ราคาก็จะทะลุเส้นใดเส้นหนึ่งและเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางก่อนหน้าในขณะที่ได้รับแรงหนุนอย่างรวดเร็ว

TH_image_04.jpg

Pennant (ชายธง)

รูปแบบ pennant จะดูคล้าย ๆ กับรูปแบบ flag หรือ symmetrical triangle ที่เป็นรูปแบบต่อเนื่องกันเช่นกัน แต่มันก็ค่อนข้างแตกต่างจากรูปแบบทั้งสองดังกล่าว เช่นเดียวกับรูปแบบ flag มันจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเข้าสู่ช่วงสะสมราคาหลังจากการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันในทิศทางเดียว ("เสาธง") อย่างไรก็ตาม ตัวของชายธงนั้นจะก่อตัวจากเส้นสองเส้นมาบรรจบกันโดยไม่ขนานกัน ซึ่งจะทำให้ดูคล้ายกับรูปแบบ symmetrical triangle อย่างไรก็ตาม รูปแบบสามเหลี่ยมไม่ได้เกิดขึ้นก่อนเสาธง เนื่องจากรูปแบบนี้มักเกิดขึ้นในตลาดที่ไม่มั่นคง ในทางกลับกัน รูปแบบ pennant จะเกิดขึ้นภายในแนวโน้มที่แข็งแกร่ง หลังจากที่เส้นทั้งสองมาบรรจบกัน ราคาจะทะลุออกไปและส่วนใหญ่มักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก

TH_image_05.jpg

Double top

รูปแบบ double top เป็นรูปแบบตลาดขาลงที่เกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นขาลงระยะกลางหรือระยะยาว รูปแบบ double top จะประกอบด้วยสองยอดสูงสุดและหนึ่งร่องต่ำสุด และมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "M" มันจะเริ่มต้นเมื่อราคาย้อนกลับหลังจากพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องเนื่องจากแรงต้านของฝั่งผู้ขาย ต่อมามันจะดีดตัวกลับขึ้นไปอีกครั้ง แต่พอแตะถึงระดับสูงสุดก่อนหน้า มันก็จะดิ่งกลับลงมาอีก เมื่อมันตัดผ่านเส้น neckline (คอเสื้อ) ก็จะถือว่ารูปแบบได้รับการยืนยัน และแนวโน้มก็จะกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง

Double bottom

รูปแบบ double bottom จะเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบ double top เนื่องจากมันจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง และโดยทั่วไปมันจะส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น รูปแบบ double bottom มีลักษณะเหมือนตัวอักษร "W" ซึ่งจะก่อตัวขึ้นเมื่อราคาพุ่งขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่ร่วงลงมาเป็นเวลานาน จากนั้นก็จะกลับตัวลงมาแต่เด้งออกจากแนวรับแล้วเริ่มพุ่งสูงขึ้นจนทะลุเส้น neckline เทรดเดอร์มักจะใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุโอกาสที่ดีที่สุดในการเริ่มเปิดสถานะ long ระยะยาว

Triple bottom

รูปแบบ triple bottom เป็นรูปแบบการกลับตัวขาขึ้นที่เกิดขึ้นหลังจากช่วงขาลงอันยืดเยื้อ มันประกอบไปด้วยจุดต่ำสุดสามจุดติดกันโดยเว้นระยะห่างจากกันไม่มาก ซึ่งแต่ละจุดจะอยู่ในระดับราคาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน รูปแบบ triple bottom จะให้สัญญาณว่าแม้ผู้ซื้อจะพยายามแล้วก็ตาม แต่ผู้ขายก็ไม่ยอมสละตำแหน่งง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากจุดต่ำสุดที่สาม พวกเขามักจะยอมจำนนต่อผู้ซื้อแล้วปล่อยให้ราคาเริ่มขยับขึ้นหลังจากที่ทะลุเส้น neckline รูปแบบนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบที่เกิดขึ้นได้ยากที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในรูปแบบที่แข็งแกร่งและน่าเชื่อถือมากที่สุดเช่นกัน ดังนั้น หากคุณสามารถระบุรูปแบบนี้ดังกล่าวบนกราฟได้ อย่าลืมทำกำไรจากมันให้ได้มากที่สุดละกัน

TH_image_06.jpg

Wedge (ลิ่ม)

รูปแบบ wedge จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเริ่มเคลื่อนไหวระหว่างเส้นแนวโน้มสองเส้นที่บรรจบกันที่สร้างกรอบที่แคบลงอย่างต่อเนื่อง รูปแบบนี้อาจเป็นได้ทั้งขาขึ้นหรือขาลง ขึ้นอยู่กับความเปลี่ยนแปลงของตัวรูปแบบเอง

  • รูปแบบ falling Wedge (ลิ่มลาดลง) ถูกมองว่าเป็นรูปแบบขาขึ้น มันอาจเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลงหรือแนวโน้มขาขึ้น และทำหน้าที่เป็นสัญญาณของการกลับตัวหรือการไปต่อ รูปแบบ falling wedge จะมีลักษณะด้านบนกว้าง ๆ จากนั้นจะค่อย ๆ แคบลงเรื่อย ๆ เมื่อราคาเคลื่อนตัวลง เมื่อแรงกดดันจากผู้ขายลดลง ผู้ซื้อจะได้รับโอกาสในการชะลอการร่วงลงของราคา ซึ่งจะนำไปสู่การที่ราคาพุ่งทะลุแนวต้านแล้วดำเนินต่อไปในแนวโน้มขาขึ้น

  • รูปแบบ rising wedge (ลิ่มเฉียงขึ้น) นั้นจะตรงกันข้ามกับรูปแบบ falling wedge โดยทั่วไป มันจะเป็นรูปแบบขาลงที่อาจส่งสัญญาณความต่อเนื่องหรือการกลับตัวของแนวโน้ม ขึ้นอยู่กับว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดก่อนที่รูปแบบนี้จะเกิดขึ้น มันจะประกอบไปด้วยเส้นแนวโน้มสองเส้นที่มาบรรจบกัน และราคากำลังขยับขึ้นภายในช่วงของการสะสมราคา แต่ในที่สุดผู้ซื้อก็จะอ่อนแรงลง จึงทำให้ผู้ขายสามารถทำลายแนวรับได้ สร้างแนวโน้มใหม่ที่เป็นขาลง (หรือลงต่อตามแนวโน้มขาลงก่อนหน้า)

TH_image_07.jpg

Head and shoulders

รูปแบบ head and shoulders มักจะเกิดขึ้นในช่วงท้ายของแนวโน้มขาขึ้นและเกิดขึ้นก่อนการกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง มันจะประกอบด้วยการแกว่งตัวสามครั้ง โดยที่สองยอดที่อยู่ด้านข้างจะมีขนาดเล็กกว่ายอดที่อยู่ตรงกลางและจะอยู่ในระดับเดียวกัน การแกว่งตัวลงครั้งสุดท้ายมีแนวโน้มที่จะทะลุเส้น neckline (เส้นที่เชื่อมต่อด้านล่างของรูปแบบ) ซึ่งเป็นสัญญาณให้เทรดเดอร์ขายหุ้นของตน

TH_image_08.jpg

Inverse head and shoulders

รูปแบบนี้จะเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับรูปแบบที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ มันจะก่อตัวขึ้นในแนวโน้มขาลงและส่งสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้น รูปแบบ inverse head and shoulders จะประกอบไปด้วยสามร่องภูเขา โดยที่ร่องที่อยู่ตรงกลางจะลึกที่สุด รูปแบบนี้จะถูกเข้าซื้อขายในลักษณะคล้าย ๆ กับรูปแบบ head and shoulders เพียงแต่มันจะเกิดขึ้นก่อนแนวโน้มขาขึ้น ดังนั้นเทรดเดอร์จำเป็นต้องซื้อหุ้นทันทีที่ราคาทะลุเส้น neckline

Cup and handle

รูปแบบ cup and handle นั้นเป็นรูปแบบขาขึ้น โดยทั่วไป มันจะเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้นและเทรดเดอร์จะใช้เพื่อค้นหาโอกาสในการเปิดสถานะ long รูปแบบนี้จะมีลักษณะเหมือนตัวอักษร "U" ซึ่งจะตามมาด้วยการปรับตัวลงเล็กน้อยคล้าย ๆ กับหูจับถ้วย หูจับจะมีลักษณะคล้ายรูปแบบ flag หรือ pennant แต่ในไม่ช้าราคาก็จะทะลุเส้นแนวต้าน และแนวโน้มขาขึ้นก็จะได้รับแรงหนุนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

TH_image_09.jpg

Gaps

Gaps คือช่องว่างบนกราฟที่เกิดขึ้นในตลาดที่ผันผวน พวกมันจะปรากฏขึ้นในตอนที่ตลาดกำลังประสบกับความสนใจในการซื้อหรือขายในระดับที่ไม่ธรรมดา ความสนใจนี้จะนำไปสู่การเทรดหุ้นแม้ในตอนข้ามคืนที่ตลาดปิด ส่งผลให้ราคาเปิดของหุ้นในวันถัดไปนั้นมีความแตกต่างจากราคาปิดของวันก่อนหน้าเป็นอย่างมาก เทรดเดอร์มักจะใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้โดยการเข้าซื้อหุ้น โดยหวังว่าช่องว่างจะเกิดขึ้นในวันถัดไป หรือโดยการขายหุ้นหลังจากช่องว่างได้เกิดขึ้นไปแล้ว

TH_image_10.jpg

Bump and run

รูปแบบ bump and run เป็นรูปแบบการกลับตัวที่เกิดขึ้นได้ยากทั้งในตลาดขาขึ้นและตลาดขาลง รูปแบบ bump and run จะเกิดขึ้นเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงจากเส้นแนวโน้มไปในทิศทางของแนวโน้มหลัก จากนั้นจึงย้อนกลับการเคลื่อนไหว และในที่สุดก็ทะลุผ่านเส้นแนวโน้มก่อนหน้า ซึ่งจะกระตุ้นให้เกิดแนวโน้มใหม่ โดยทั่วไปรูปแบบนี้มักจะมองเห็นได้ในกรอบเวลาที่ใหญ่กว่า แต่บางครั้งก็อาจปรากฏบนกราฟภายในวันก็ได้

TH_image_11.jpg

Price channel

รูปแบบ price channel เป็นรูปแบบที่เป็นไปได้ทั้งสองทางที่สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในแนวโน้มขาขึ้นและขาลง รูปแบบ price channel จะก่อตัวขึ้นในตอนที่ราคาเริ่มแกว่งตัวภายในกรอบที่จำกัด การแกว่งตัวจะเด้งออกจากแนวต้านและแนวรับที่วิ่งขนานกันอยู่ ราคาอาจเคลื่อนไหวขึ้น ลง หรือด้านข้างก็ได้

TH_image_12.jpg

จะสามารถจดจำรูปแบบกราฟต่าง ๆ ได้อย่างไร?

หนึ่งในวิธีที่พบได้บ่อยที่สุดในการระบุรูปแบบกราฟหุ้นคือการลากเส้นแนวโน้มแล้วดูว่าราคาเบี่ยงเบนไปจากทิศทางของมันหรือไม่ หากคุณเห็นราคาแกว่งไปมาในกรอบที่จำกัด การลากเส้นผ่านจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดจะช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่ารูปแบบกำลังก่อตัวอยู่หรือไม่ แรก ๆ มันอาจดูเหมือนยาก แต่หลังจากที่ได้ฝึกฝนแล้ว คุณจะสามารถจดจำรูปแบบกราฟหุ้นต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น แพลตฟอร์มการซื้อขายของคุณอาจมีตัวคัดกรองรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถช่วยให้คุณค้นพบโอกาสในการซื้อขายใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

สรุป

รูปแบบกราฟหุ้นถูกเทรดเดอร์นำมาใช้มานานหลายทศวรรษแล้ว หากสามารถระบุมันได้อย่างถูกต้อง มันจะช่วยยืนยันจุดเริ่มต้นของแต่ละแนวโน้ม และช่วยให้เทรดเดอร์สามารถระบุโอกาสในการซื้อขายใหม่ ๆ ได้ รูปแบบกราฟหุ้นทั้ง 15 รูปแบบข้างต้นจะช่วยปรับปรุงความเข้าใจของคุณเกี่ยวกับวิธีการทำงานของตลาด และช่วยให้คุณสามารถคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในทิศทางของการเคลื่อนไหวของราคาได้อย่างแม่นยำ

แบ่งปันกับเพื่อน ๆ:

เปิดบัญชี FBS

โดยการลงทะเบียน คุณได้ยอมรับเงื่อนไขของ ข้อตกลงลูกค้า FBS และ นโยบายความเป็นส่วนตัว FBS และยอมรับความเสี่ยงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการซื้อขายในตลาดการเงินระดับโลก

FBS ณ สื่อสังคมออนไลน์

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon

ติดต่อเรา

iconhover iconiconhover iconiconhover iconiconhover icon
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
App Store
store iconstore icon
ดาวน์โหลดได้ที่
Google Play

การซื้อขาย

บริษัท

เกี่ยวกับ FBS

เอกสารทางกฎหมาย

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท

สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ซิตี้

ศูนย์ช่วยเหลือ

โปรแกรมพันธมิตร

เว็บไซต์นี้ดำเนินการโดย FBS Markets Inc. หมายเลขจดทะเบียน 000001317 ซึ่ง FBS Markets Inc. ได้รับการจดทะเบียนโดย Financial Services Commission ภายใต้พระราชบัญญัติอุตสาหกรรมหลักทรัพย์ฯ 2021 (Securities Industry Act 2021) ใบอนุญาตเลขที่ 000102/31 ที่อยู่สำนักงาน: 9725, Fabers Road Extension, Unit 1, Belize City, Belize

โดย FBS Markets Inc. ไม่ได้ให้บริการทางการเงินแก่ผู้อยู่อาศัยในเขตอำนาจศาลบางแห่ง ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง: สหรัฐอเมริกา, สหภาพยุโรป, สหราชอาณาจักร, อิสราเอล, สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, เมียนมาร์

ธุรกรรมการชำระเงินได้รับการจัดการโดย HDC Technologies Ltd.; Registration No. HE 370778; Legal address: Arch. Makariou III & Vyronos, P. Lordos Center, Block B, Office 203, Limassol, Cyprus ที่อยู่เพิ่มเติม: Office 267, Irene Court, Corner Rigenas and 28th October street, Agia Triada, 3035, Limassol, Cyprus

เบอร์ติดต่อ: +357 22 010970 เบอร์ติดต่อเพิ่มเติม: +501 611 0594

สำหรับความร่วมมือ กรุณาติดต่อเราผ่าน [email protected]

คำเตือนเรื่องความเสี่ยง: ก่อนที่คุณจะเริ่มทำการซื้อขาย คุณควรเข้าใจความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับตลาดสกุลเงินและการซื้อขายโดยใช้มาร์จิ้นอย่างถ่องแท้ และคุณควรตระหนักถึงระดับประสบการณ์ของตนเอง

การคัดลอก การทำสำเนา การเผยแพร่ รวมถึงแหล่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตของเนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้สามารถดำเนินการได้เฉพาะเมื่อได้รับการอนุญาตที่เป็นลายลักษณ์อักษรเท่านั้น

ข้อมูลบนเว็บไซต์นี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน การชี้แนะ หรือการชักชวนให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมการลงทุนใด ๆ ทั้งสิ้น